ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Bank of America ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 ว่า จะเปิดให้ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสามารถเข้าลงทุนใน Bitcoin ETF แบบสปอต ได้อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งแนะนำให้จัดสรร 1–4% ของพอร์ตเข้าสู่คริปโตเคอร์เรนซีเพื่อเพิ่มโอกาสเติบโตในระยะยาว ภาคการเงินมองว่านี่คือก้าวสำคัญที่อาจผลักดันให้การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับสถาบันขยายตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกระแสที่สอดคล้องกับความสนใจใน เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 ที่กำลังร้อนแรงอย่างมากในหมู่นักลงทุนทั่วโลก
Bank of America just greenlit 4 % crypto for clients.
The same bank that banned Bitcoin buys in 2018
now tells millionaires to stack spot BTC ETFs.They’re not being generous.
They’re being desperate.Their own models show fiat dying at 9–11% real every year.
1-4% is… pic.twitter.com/mM1jZkdi3g
— Bitcoin Wealth (@BitcoinWealth) December 2, 2025
อัปเกรดนโยบายครั้งใหญ่ เปิดทางที่ปรึกษากว่า 15,000 คนแนะนำ BTC ได้เต็มตัว
ก่อนหน้านี้ Bank of America จำกัดไม่ให้ที่ปรึกษาการลงทุนจำนวนกว่า 15,000 คนแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์โดยตรง เว้นแต่ลูกค้าจะร้องขอเองเท่านั้น แม้ว่าแพลตฟอร์มของธนาคารจะรองรับการเข้าถึงคริปโตอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีการ “ผลักดันเชิงรุก” มาก่อน
การเปลี่ยนทิศทางครั้งนี้ถือเป็นการยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด ทำให้ที่ปรึกษาภายใต้ Merrill, Bank of America Private Bank และ Merrill Edge สามารถเสนอผลิตภัณฑ์ด้านคริปโตให้ลูกค้าแบบเชิงรุกได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเตรียมเริ่มการติดตามและคัดเลือดผลิตภัณฑ์ Bitcoin ETF จาก Bitwise, Fidelity, Grayscale และ BlackRock อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2026 เป็นต้นไป
ท่ามกลางแรงหนุนจากกระแสสถาบัน นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองโอกาสในการ ซื้อ Bitcoin เพื่อเพิ่มสัดส่วนในพอร์ต นักลงทุนหลายรายมองว่าการเปิดทางของธนาคารยักษ์ใหญ่เช่นนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพรวม
การยอมรับคริปโตของวอลล์สตรีทเดินหน้าแรง หลังหลายสถาบันทยอยเปลี่ยนจุดยืน
การขยับตัวของ Bank of America ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว เพราะเพียงวันก่อนหน้านั้น Vanguard ซึ่งบริหารสินทรัพย์กว่า 11 ล้านล้านดอลลาร์ก็ได้ประกาศเปลี่ยนท่าที เปิดให้เทรดกองทุน ETF ด้านคริปโตตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม หลังจากที่เคยปฏิเสธผลิตภัณฑ์เหล่านี้มานานโดยให้เหตุผลว่า “มีความเสี่ยงและความผันผวนสูงเกินไป”
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังสอดคล้องกับสถาบันการเงินรายใหญ่อื่น ๆ เช่น BlackRock ที่แนะนำจัดสรร BTC 1–2%, Morgan Stanley ที่เสนอ 2–4% และ Fidelity ที่แนะนำ 2–5% ส่งผลให้แนวคิดเรื่องการเพิ่ม Bitcoin ในพอร์ตการลงทุนของลูกค้าระดับไฮเน็ตเวิร์ธเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ราคา Bitcoin พุ่งรับข่าวดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังมีธนาคารบางแห่ง เช่น Wells Fargo, Goldman Sachs และ UBS ที่ยังไม่อนุญาตให้ที่ปรึกษาเสนอผลิตภัณฑ์คริปโตอย่างเต็มรูปแบบ แม้แรงกดดันในตลาดจะเพิ่มขึ้นก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า ท่ามกลางการแข่งขันทางการเงินที่รุนแรง การเปลี่ยนนโยบายครั้งต่อ ๆ ไปอาจตามมาในไม่ช้า และบางสถาบันก็เริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวน โดยเฉพาะเมื่อ นักวิเคราะห์เตือนอย่ามองข้ามสัญญาณ Bitcoin นี้เด็ดขาด หลังพบแนวโน้มที่อาจพลิกทิศทางตลาดได้ในช่วงไตรมาสหน้า
กระแสคริปโตขยายวงกว้าง สถาบันยักษ์ใหญ่ทยอยเข้าร่วม
การเปิดรับ Bitcoin ของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของวอลล์สตรีทที่เริ่มมองคริปโตไม่ใช่เพียง “สินทรัพย์ทางเลือก” แต่คือองค์ประกอบสำคัญของพอร์ตลงทุนยุคใหม่ โดยเฉพาะเมื่อตลาดมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับดูแลมากขึ้น เช่น Bitcoin ETF ซึ่งช่วยให้สถาบันสามารถเข้าถึง BTC ได้โดยไม่ต้องซื้อเหรียญโดยตรง ลดความซับซ้อนด้านการเก็บรักษาและความเสี่ยงทางเทคนิค
นอกจากนี้ กระแสการนำคริปโตเข้าสู่พอร์ตระดับสถาบันยังช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดคริปโตโดยรวม การเข้ามาของสถาบันไม่เพียงช่วยเพิ่มสภาพคล่อง แต่ยังช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาว
Bitcoin Hyper เร่งขึ้นแท่น Layer-2 ดาวเด่น หลังกระแสสถาบันแห่เข้าหา Bitcoin ETF
กระแสสถาบันเข้าซื้อ Bitcoin ETF ต่อเนื่องจากหลายธนาคารยักษ์ใหญ่ ทำให้เม็ดเงินใหม่ไหลเข้าระบบอย่างชัดเจน ซึ่งแรงขับเคลื่อนนี้ส่งผลบวกโดยตรงต่อโปรเจกต์ที่เชื่อมโยงกับอีโคซิสเต็มของ BTC โดยเฉพาะ Bitcoin Hyper ที่ถูกมองว่าเป็น L2 ความเร็วสูงที่อาจได้อานิสงส์มากที่สุดในรอบไตรมาสนี้
Bitcoin Hyper ผสานความแข็งแกร่งของ Bitcoin กับความเร็วระดับ Solana ผ่านสถาปัตยกรรม SVM ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานจริงตั้งแต่ DeFi จนถึงแอปขนาดใหญ่ในอนาคต เหรียญมีมมาแรง อาจดึงความสนใจฝั่งนักเก็งกำไรได้ แต่โปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานอย่าง $HYPER กลับมีศักยภาพรองรับเม็ดเงินระยะยาวชัดเจนกว่า
ด้วยการเข้าตลาดหลังจบพรีเซลและเตรียมลิสต์ CEX หลายแห่งในปลายปีนี้ Bitcoin Hyper ถูกมองว่าเป็นจุดเข้าที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลุ้นการเติบโตแบบเร่งตัว ทั้งจากแรงซื้อสะสม, ฟีเจอร์ Staking ที่ลดอุปทานลอยตัว และอุปสงค์จากแอปในระบบนิเวศที่กำลังขยายตัวต่อเนื่อง
หากคุณกำลังประเมินโครงการ Bitcoin Hyper ขอให้เตรียม บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper หรือดูคู่มือวิธีซื้อ Bitcoin Hyper แบบละเอียด ไปประกอบการพิจารณาร่วมกัน
ติดตามแผนงานและโรดแมปที่ เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper พร้อมรับมุมมองภาคสนามจาก X และ ช่อง Telegram
