Cardano ประกาศ Bitcoin DeFi ไม่ใช่แค่ทฤษฎีอีกต่อไปแล้ว

Cardano ประกาศ Bitcoin DeFi ไม่ใช่แค่ทฤษฎีอีกต่อไปแล้ว

Charles Hoskinson ซีอีโอของ Input Output ประกาศข่าวใหญ่ว่าโครงการ Bitcoin DeFi ของ Cardano ไม่ใช่แค่ทฤษฎีอีกต่อไป แต่ได้เริ่มใช้งานจริงบน Bitcoin mainnet แล้ว ด้วยการผสานสภาพคล่องของ Bitcoin เข้ากับความสามารถในการเขียนโปรแกรมของ Cardano สร้างโอกาสมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ในตลาด DeFi

แต่ก่อนที่จะเจาะลึกถึงเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ การทำความเข้าใจพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เริ่มต้น ซึ่งสามารถศึกษา วิธีเล่นบิทคอยน์สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้

วิสัยทัศน์ Bitcoin DeFi ของ Cardano กลายเป็นจริงได้อย่างไร

Charles Hoskinson ได้ให้สัมภาษณ์ว่าความพยายามในการเชื่อมต่อ Bitcoin เข้ากับ Cardano ไม่ใช่แค่แนวคิดทางทฤษฎีอีกต่อไป โดยมีการสาธิตการทำธุรกรรมระหว่าง Bitcoin mainnet และ Cardano mainnet แล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิดนี้สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่

ในระบบนี้ Bitcoin ทำหน้าที่เป็นชั้นความปลอดภัยและการเก็บมูลค่า ส่วน Cardano ทำหน้าที่เป็นชั้นการประมวลผล เมื่อผสานรวมกันจะสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นสำหรับผู้ใช้งาน ด้วยระบบ toggle switch ที่ให้ผู้ใช้สลับไปใช้งาน DeFi ได้ง่ายๆ

สิ่งที่โดดเด่นคือผู้ใช้งานจะจ่ายค่าธรรมเนียมและรับผลตอบแทนใน Bitcoin ทั้งหมด โดยไม่ต้องรู้ว่าเบื้องหลังใช้เครือข่ายอื่น นี่เป็นการยึดมั่นในหลักการสำคัญของ Bitcoin DeFi ที่ต้องใช้ Bitcoin ในทุกขั้นตอน

โครงสร้างพื้นฐานนี้ได้รับการพัฒนาโดยพันธมิตรต่าง ๆ เช่น Fairgate, Sundial และทีม Lace Wallet ระบบ toggle switch ได้รับการแสดงครั้งแรกในงานประชุม Bitcoin ปีนี้ และปัจจุบันใช้งานได้แล้วใน Lace desktop wallet

มุมมองดังกล่าวของ Hoskinson สอดคล้องกับการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในตลาด โดยมี การคาดการณ์ราคา Bitcoin ในปี 2025 ว่าอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของโปรเจกต์ Layer-2 เช่นกัน

เจาะลึกเทคโนโลยีที่ทำให้ Bitcoin ใช้งาน DeFi ได้จริง

เทคโนโลยีหลักที่ทำให้โครงการนี้สำเร็จคือ BitVMX ที่ช่วยให้ภาษาโปรแกรมของ Cardano สามารถเขียน Bitcoin script ได้ รวมถึงความเข้ากันได้ของโมเดล UTXO และระบบ Native Assets ระหว่างทั้ง 2 เครือข่าย

ระบบ Babel fees ของ Cardano จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจ่ายค่าธุรกรรมใน Bitcoin ได้ โดยที่เบื้องหลังจะใช้ ADA ในการประมวลผล แต่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้ เหมือนกับการใช้เงินดอลลาร์ในฝรั่งเศสแต่ระบบแปลงเป็นยูโรให้โดยอัตโนมัติ

Hoskinson ยังเปิดเผยแผนการสร้าง Bitcoin-backed Algorithmic Stablecoin ที่จะทำให้ Bitcoin กลายเป็นเงินที่มีหลักประกันเหมือนระบบ Bretton Woods ที่ใช้ทองคำหนุนหลังด้วย

Bitcoin Hyper ($HYPER) โอกาสใหม่บน Layer-2 ของ Bitcoin

จากการที่ Cardano พยายามปลดล็อกศักยภาพของ Bitcoin ในโลก DeFi นักลงทุนจำนวนมากจึงเริ่มมองหาโปรเจกต์ Layer-2 อื่นๆ ที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กัน และหนึ่งในโปรเจกต์เหล่านั้นก็คือ Bitcoin Hyper

Bitcoin Hyper ($HYPER) กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในฐานะโปรเจกต์ที่สร้างบนเทคโนโลยี Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อยกระดับ Bitcoin ให้กลายเป็นเครือข่ายความเร็วสูงที่ใช้งานได้จริงในโลก DeFi และ dApps

Bitcoin Hyper เข้ามาแก้ปัญหาคอขวดของ Bitcoin ทั้งในเรื่องความเร็วที่จำกัดและค่าธรรมเนียมที่สูง ด้วยความสามารถในการประมวลผลหลายหมื่นธุรกรรมต่อวินาทีและค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ทำให้ Bitcoin สามารถแข่งขันในโลก GameFi, NFT และ Micropayment ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่ทิ้งความปลอดภัยดั้งเดิมของ Bitcoin เพราะใช้เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP) ในการยืนยันข้อมูลกลับไปยัง Layer-1

นอกเหนือจากความสามารถทางเทคนิคแล้ว Bitcoin Hyper โปรเจกต์ Layer-2 ที่น่าจับตา ยังถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่จะเข้ามาพลิกโฉมการใช้งาน Bitcoin ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

โปรเจกต์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่มาพร้อมระบบนิเวศที่ใช้งานได้ทันที เช่น Meme Coin Factory สำหรับสร้างเหรียญบน Bitcoin ได้ง่ายๆ และสะพานเชื่อมสินทรัพย์ (Cross-Chain Bridge) ระหว่าง BTC, ETH และ SOL ตั้งแต่วันแรก

ขณะนี้ Bitcoin Hyper กำลังเปิดพรีเซล โดยระดมทุนไปแล้วกว่า 2.8 ล้านดอลลาร์ และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ก่อนโดยไม่มีรอบสำหรับ VC พร้อมโอกาสในการ Stake เพื่อรับผลตอบแทนสูงถึง 306% APY ซึ่งเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในอนาคตของระบบนิเวศ Bitcoin

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อประกอบการตัดสินใจ สามารถอ่าน รีวิวโปรเจกต์ Bitcoin Hyper อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงศักยภาพและความเสี่ยงของโปรเจกต์นี้ได้ดียิ่งขึ้น

Exit mobile version