Advertise

บิทคอยน์เล่นยังไง? วิธีเล่นบิทคอยน์สำหรับมือใหม่ ทดลองลงทุนง่ายๆ ด้วยเงิน 100 บาท

หากคุณกำลังมองหาการลงทุนสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ บิทคอยน์ (Bitcoin) อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ จากประวัติราคาที่ผ่านมา บิทคอยน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากราคาเพียงไม่กี่เซ็นต์ในปี 2010 สู่ระดับราคาหลักแสนดอลลาร์ในปี 2025 ดังนั้น แม้จะมีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยง แต่นี่ก็คือสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมาก

บทความนี้ เราจะมาแนะนำ ‘วิธีการเล่นบิทคอยน์ง่ายๆ สำหรับมือใหม่’ โดยจะพาไปเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานต่างๆ เช่น คำศัพท์เบื้องต้น วิธีการวิเคราะห์ตลาด การวางแผนการเทรด ไปจนถึงวิธีซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง แต่ก่อนอื่น เราอาจจะต้องอธิบายให้ทุกๆ ท่านทราบก่อนว่า บิทคอยน์ คืออะไร?

บิทคอยน์คืออะไร? ทำความรู้จักสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยม

บิทคอยน์คืออะไร? มาทำความรู้จักก่อนเล่นบิทคอยน์บิทคอยน์ (Bitcoin) คือ สกุลเงินดิจิทัลตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดยผู้ใช้งานนิรนามที่มีนามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้โดยตรงระหว่างผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือรัฐบาลแต่อย่างใด

จุดเด่นของบิทคอยน์คือ ความโปร่งใส และ ความปลอดภัย ทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกลงในบล็อกเชนที่ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ การสร้างบิทคอยน์ใหม่จะถูกทำผ่านกระบวนการขุด (Mining) ที่ใช้พลังงานคอมพิวเตอร์ในการแก้สมการทางคณิตศาสตร์ โดยมีอุปทานจำกัดสูงสุดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ

จากราคาเริ่มต้นเพียงไม่กี่เซ็นต์สู่ระดับแสนดอลลาร์ในปัจจุบัน บิทคอยน์ได้กลายเป็นทรัพย์สินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั่วทุกมุมโลก ทุกคนต่างก็เข้ามาลงทุนบิทคอยน์ ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนสูงก็ตาม แต่หลายๆ คนก็มองว่า บิทคอยน์ เป็นทั้ง “ทองคำดิจิทัล” สำหรับเก็บมูลค่า และ “สินทรัพย์เพื่อการลงทุน” ที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว

คุณสมบัติหลักของ Bitcoin

  • การกระจายศูนย์ (Decentralization)

บิทคอยน์จะไม่ถูกควบคุมโดยองค์กรกลาง เช่น ธนาคารหรือรัฐบาล แต่ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ การตัดสินใจต่างๆ เกิดขึ้นถูกทำขึ้นกลไกฉันทามติของเครือข่ายผ่านกระบวนการขุด (Mining) ซึ่งทำให้ Bitcoin มีความยืดหยุ่นและไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง คุณสมบัตินี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงของรัฐบาลหรือการล้มละลายของสถาบันการเงิน

  • ความปลอดภัยสูง (Security)

บิทคอยน์ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส (Cryptography) ที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันการโจรกรรมหรือการปลอมแปลง ทุกๆ ธุรกรรมจะต้องได้รับการยืนยันจากเครือข่ายก่อนที่จะถูกบันทึกลงในบล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบบัญชีแยกประเภท (DLT) ที่เปิดให้ทุกคนตรวจสอบได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่บันทึกไว้แล้วได้ ทำให้บิทคอยน์มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์

  • มีอุปทานที่จำกัด (Limited Supply)

บิทคอยน์มีอุปทานสูงสุดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งทำให้มันมีคุณสมบัติคล้ายกับสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัด เช่น ทองคำ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) ที่อาจจะเกิดขึ้นกับสกุลเงินทั่วไปได้ เนื่องจากไม่มีใครสามารถสร้างบิทคอยน์เพิ่มได้ตามใจชอบได้

นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น;

  • ความโปร่งใสที่ทุกธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้บนบล็อกเชน
  • ความเป็นสากลที่ทำให้บิทคอยน์สามารถใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ขึ้นอยู่กับสกุลเงินหรือระบบการเงินของประเทศใดประเทศหนึ่ง

คุณสมบัติเหล่านี้รวมกันทำให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่แตกต่างและมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างสิ้นเชิง

ประโยชน์ใช้งานหลักของ Bitcoin

1. การทำธุรกรรมที่รวดเร็ว

บิทคอยน์ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการโอนเงินข้ามประเทศ ไม่ต้องรอหลายวันเหมือนระบบธนาคารแบบดั้งเดิม แต่ด้วยบิทคอยน์ ธุรกรรมสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือนาที นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมยังต่ำกว่าการใช้บริการโอนเงินแบบดั้งเดิม ทำให้เหมาะสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศหรือการชำระเงินที่ต้องการความรวดเร็วสูง

2. ความเป็นส่วนตัว

บิทคอยน์ให้ความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมที่สูง ถึงแม้ว่าธุรกรรมทั้งหมดจะถูกบันทึกบนบล็อกเชนและสามารถตรวจสอบได้ แต่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน (เช่น ชื่อ ที่อยู่) จะไม่ถูกเปิดเผย ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนมากจนเกินไป ซึ่งต่างจากการใช้บัตรเครดิตหรือบริการการเงินแบบดั้งเดิมที่ต้องระบุข้อมูลส่วนตัวอย่างชัดเจน

3. ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง

บิทคอยน์ทำงานบนระบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือรัฐบาล ผู้ใช้งานสามารถส่งและรับบิทคอยน์ได้โดยตรงผ่านเครือข่ายบล็อกเชน โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใคร คุณสมบัตินี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงของรัฐบาล การระงับบัญชี หรือ การล้มละลายของสถาบันการเงิน

อันที่จริงแล้ว บิทคอยน์ยังมีประโยชน์ใช้งานอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การเป็นสินทรัพย์เพื่อเก็บรักษามูลค่า (Store of Value) ที่ยอดเยี่ยม หรือปัจจุบันที่บิทคอยน์มักจะถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการลงทุน ทุกคนต่างก็เข้ามาลงทุนบิทคอยน์โดยหวังว่าจะสร้างผลกำไรได้มหาศาล ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นและการเข้าถึงที่ง่ายดายในยุคดิจิทัล ทำให้แม้แต่ผู้ที่มีงบประมาณก็สามารถเริ่มเล่นบิทคอยน์ได้อย่างไม่ยากเย็น มาดูกันว่าวิธีเริ่มต้นซื้อขายบิทคอยน์ด้วยเงินแค่ 100 บาทนั้นทำได้อย่างไร!

วิธีเริ่มต้นซื้อขายบิทคอยน์ด้วยเงินแค่ 100 บาท

ปัจจุบัน บิทคอยน์ได้กลายมาเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงเพราะศักยภาพในการลงทุน แต่ยังรวมถึงความสะดวกและความรวดเร็วในการทำธุรกรรมอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มลงทุนบิทคอยน์ในประเทศไทย Bitkub ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยระบบที่ใช้งานง่ายและมีความปลอดภัยสูง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ก็สามารถเริ่มต้นซื้อ Bitcoin ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เรามาดูกันดีกว่าว่า วิธีการซื้อบิทคอยน์ 100 บาทจาก Bitkub นั้นทำอย่างไรบ้าง!

ขั้นตอนที่ 1: สมัครบัญชี Bitkub

1.1. เข้าเว็บไซต์ Bitkub

  • ไปที่เว็บไซต์ Bitkub หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bitkub บนมือถือ (ทั้ง iOS และ Android)

สมัครบัญชี Bitkub เพื่อเล่นบิทคอยน์1.2. คลิก “สมัครสมาชิก”

  • เลือก “สมัครสมาชิก” และกรอกข้อมูลพื้นฐานต่างๆ เช่น อีเมล และรหัสผ่าน

เลือก "สมัครสมาชิก" และกรอกข้อมูลพื้นฐานต่างๆ1.3. ยืนยันอีเมล

  • หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ Bitkub จะส่งลิงก์ยืนยันไปยังอีเมลของคุณ ให้คลิกที่ลิงก์เพื่อยืนยันการสมัคร

Bitkub จะส่งลิงก์ยืนยันไปยังอีเมล ให้คลิกที่ลิงก์เพื่อยืนยันขั้นตอนที่ 2: ระบุตัวตน (KYC)

2.1. เข้าสู่ระบบ

  • หลังจากยืนยันอีเมลแล้ว ให้เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลและรหัสผ่านที่สมัครไว้

ระบุตัวตน (KYC) เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้งานบัญชี เพื่อเล่นบิทคอยน์2.2. ทำการยืนยันตัวตน

  • ไปที่เมนู “โปรไฟล์” เพื่อทำการยืนยันตัวตน

ไปที่เมนู "โปรไฟล์" เพื่อทำการยืนยันตัวตน2.3. ทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ให้บริการระบุเพื่อยืนยันตัวตน

  • ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ให้บริการระบุให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้รอการอนุมัติจาก Bitkub ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-3 วันทำการ

ทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ให้บริการระบุเพื่อยืนยันตัวตนขั้นตอนที่ 3: ฝากเงินเข้าบัญชี Bitkub

3.1 เข้าสู่ระบบและไปที่กระเป๋าเงิน

  • หลังจากที่บัญชีได้รับการอนุมัติแล้ว ให้เข้าสู่ระบบและเข้าสู่เมนู “กระเป๋าเงิน” ที่มุมบนขวาของหน้าจอ
  • จากนั้น กดไปที่ปุ่ม “ฝาก” ในส่วนของเหรียญ “Thai Baht(THB)

เลือกวิธีการฝากเงินบน Bitkub3.2. เลือกวิธีการฝากเงิน

  • Bitkub รองรับการฝากเงินผ่านหลายช่องทาง เช่น โอนผ่านธนาคาร หรือ QR Code
  • หากต้องการโอนเงิน (เช่น KBANK, SCB, BBL) และคุณยังไม่ทำการเพิ่มบัญชีธนาคาร คุณจะต้องเพิ่มข้อมูลบัญชีธนาคารก่อนด้วย
  • ในตัวอย่างของเราจะเป็นการเลือกใช้งานการฝากเงินด้วยการสแกน QR Code

เลือกวิธีการฝากเงินก่อนเล่นบิทคอยน์3.3. แสกน QR Code

  • เมื่ออ่านและยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว ให้กด “ยืนยันการฝากเงิน” Bitkub จะทำการแสดง QR Code ที่คุณสามารถใช้แอปธนาคารของคุณเพื่อสแกนจ่ายเงินได้
  • เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เงินจะเข้าบัญชี Bitkub ภายใน 1 นาที – 24 ชั่วโมง หลังจากทำรายการเสร็จสิ้น

แสกน QR Code เพื่อฝากเงินเข้าบัญชีขั้นตอนที่ 4: ซื้อขายบิทคอยน์

4.1. เข้าสู่ระบบและเข้าไปที่ “ตลาดซื้อขาย”

  • หลังจากที่เงินเข้าบัญชี Bitkub แล้ว ให้เข้าสู่ระบบและเลือกเมนู “ตลาดซื้อขาย” ที่ด้านบนซ้ายของหน้าจอ คุณสามารถซื้อขายบิทคอยน์ได้ที่เมนูนี้

4.2. ค้นหาคู่เทรด BTC/THB

  • ในหน้า “ตลาดซื้อขาย” ให้ค้นหาคู่เทรด BTC/THB ซึ่งก็คือการซื้อขายบิทคอยน์ด้วยเงินบาท (THB)

ค้นหาคู่เทรด BTC/THB เพื่อเริ่มเล่นบิทคอยน์4.3. เลือกประเภทคำสั่งซื้อ

  • Bitkub จะมีคำสั่งซื้ออยู่ 2 ประเภท ได้แก่:
    • Market Order: ซื้อในราคาตลาดทันที
    • Limit Order: ตั้งราคาที่ต้องการซื้อเอง
  • หากคุณต้องการซื้อทันที ให้เลือก Market Order

4.4. กรอกจำนวนเงินหรือจำนวนบิทคอยน์ที่ต้องการซื้อ

  • กรอกจำนวนเงินบาทที่ต้องการซื้อ เช่น ซื้อบิทคอยน์ 100 บาท ก็ในกรอกจำนวน 100 ลงไปในช่องจำนวนที่ต้องจ่าย
  • Bitkub จะคำนวณให้ว่าคุณจะได้บิทคอยน์จำนวนเท่าไร

กรอกจำนวนเงินหรือจำนวนบิทคอยน์ที่ต้องการซื้อ4.5. ยืนยันการซื้อ

  • ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดให้ถูกต้อง แล้วกด “ซื้อ” เพื่อยืนยันการทำรายการ เท่านี้ ขั้นตอนการซื้อขายบิทคอยน์ของคุณก็จะเสร็จสิ้น

ขั้นตอนที่ 5: เก็บบิทคอยน์ในกระเป๋าเงิน

5.5. ตรวจสอบบิทคอยน์ที่ซื้อ

  • หลังจากซื้อบิทคอยน์เสร็จแล้ว คุณสามารถตรวจสอบยอดบิทคอยน์ได้ที่ในเมนู “กระเป๋าเงิน”

5.6. เลือกเก็บบิทคอยน์ในกระเป๋าเงิน Bitkub หรือถอนออก

  • คุณสามารถเก็บบิทคอยน์ไว้ในกระเป๋าเงิน Bitkub หรือ ถอนออกไปยังกระเป๋าเงินส่วนตัว เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่าการซื้อขายบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แพลตฟอร์มอย่าง Bitkub ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดคริปโตได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะมีเงินทุนมากหรือน้อยก็ตาม คุณก็สามารถเริ่มเรียนรู้และลงทุนในบิทคอยน์ได้ทันที

อย่างไรก็ตาม Bitkub ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวที่คุณสามารถใช้ซื้อขายบิทคอยน์ได้ ยังมีแอพและแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมายที่ให้บริการซื้อขายคริปโตได้ด้วยฟีเจอร์และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น มาดูกันว่าแอพซื้อขายบิทคอยน์ที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง!

แนะนำแอพบิทคอยน์ที่ดีที่สุด

ในยุคที่การเทรดบิทคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น การเลือกแพลตฟอร์มซื้อขายบิทคอยน์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง หรือสภาพคล่องที่สูง แต่ด้วยจำนวนแพลตฟอร์มที่มีให้เลือกมากมาย การตัดสินใจว่าจะเล่นบิทคอยน์แอพไหนดีอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย

เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด เราจึงได้รวบรวมตารางเปรียบเทียบแอพบิทคอยน์ที่ดีที่สุด พร้อมข้อดีข้อเสีย ค่าธรรมเนียม และฟีเจอร์สำคัญมาให้ที่นี่แล้ว

ตารางเปรียบเทียบแอพบิทคอยน์ที่ดีที่สุด

แอพ ข้อดี ข้อเสีย ค่าธรรมเนียม ฟีเจอร์สำคัญ
Margex – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– รองรับการเทรดด้วย Leverage สูง
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.01% (Maker), 0.06% (Taker) – UI ใช้งานง่าย
– รองรับการเทรดด้วย Leverage สูง
– มีระบบ Copy Trading”
MEXC – มีคริปโตให้เลือกซื้อขายมากมาย
– ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบฝาก/ถอนรวดเร็ว
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง
– สภาพคล่องน้อยกว่า Binance
– ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.2% – ไม่มีต้องทำ KYC
– สนับสนุน Staking และ Farming
– มี MEXC Launchpad สำหรับโปรเจกต์ใหม่
Exodus – ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
– ความปลอดภัยสูง
– รองรับการซื้อขายคริปโตหลายชนิด
“- ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง
– ไม่มีฟีเจอร์เทรดขั้นสูง”
– ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: ขึ้นอยู่กับเครือข่าย – ฟีเจอร์ Wallet ที่ปลอดภัย
– รองรับการซื้อขายคริปโตหลายชนิด
– ใช้งานง่าย
OKX – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบเทรดครบวงจร
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.1% – ฟีเจอร์เทรดครบวงจร
– สนับสนุน Staking และ Farming
– มีระบบ Copy Trading”
BloFin – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบเทรดครบวงจร
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.1% – รองรับการเทรดด้วย Leverage
– มีระบบ Copy Trading
Binance – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– มีคริปโตให้เลือกซื้อขายมากมาย
– ระบบความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง
– ต้องใช้แพลตฟอร์มอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนเป็น THB
– ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.1% (ลดเหลือ 0.075% หากใช้ BNB จ่ายค่าธรรมเนียม) – ฟีเจอร์เทรดขั้นสูง
– มีฟีเจอร์ “Convert” สำหรับการแลกเปลี่ยนโดยไม่มีค่าธรรมเนียม
– มี Binance Academy สำหรับการเรียนรู้
ByBit – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบเทรด Futures และ Spot
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย Spot: 0.1%
– ค่าธรรมเนียม Futures: 0.06% (Maker), 0.01% (Taker)
– ฟีเจอร์เทรด Futures และ Spot
– มีระบบ Copy Trading
– รองรับการเทรดด้วย Leverage สูง
BingX – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบ Copy Trading
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.1% – ฟีเจอร์ Copy Trading
– รองรับการเทรดด้วย Leverage
– มีระบบเทรด Futures
PrimeXBT – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– รองรับการเทรดด้วย Leverage สูง
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.05% – ฟีเจอร์เทรดครบวงจร
– รองรับการเทรดด้วย Leverage สูง
– มีระบบ Copy Trading
KCEX – ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบเทรดครบวงจร
– ความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง – ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.1% – รองรับการเทรดด้วย Leverage
– มีระบบ Copy Trading
KuCoin – มีคริปโตให้เลือกซื้อขายมากมาย
– ค่าธรรมเนียมแข่งขันได้
– ระบบฝาก/ถอนรวดเร็ว
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง
– สภาพคล่องน้อยกว่า Binance
– ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.1% – ฟีเจอร์เทรดครบวงจร
– สนับสนุน Staking และ Farming
– มี KuCoin Earn สำหรับรับดอกเบี้ย
Gate.io – มีคริปโตให้เลือกซื้อขายมากมาย
– ค่าธรรมเนียมต่ำ
– ระบบความปลอดภัยสูง
– ไม่รองรับการฝาก/ถอนเงินบาทโดยตรง
– ระบบอาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่
– ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.2% – ฟีเจอร์เทรดครบวงจร
– สนับสนุน Staking และ Farming
– มี Gate.io Startup สำหรับโปรเจกต์ใหม่

ซื้อขายบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

การลงทุนบิทคอยน์อาจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ แต่จริงๆ แล้ว คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ แม้จะมีเงินเพียง 100 บาท ด้วยแพลตฟอร์มซื้อขายที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย การเรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบิทคอยน์ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหลัก ประโยชน์ใช้งาน และวิธีการซื้อขายบิทคอยน์ จะช่วยให้คุณเข้าใจตลาดคริปโตมากขึ้น และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ

และไม่ว่าคุณจะเล่นบิทคอยน์เพื่อการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว การศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรและลดความเสี่ยงให้กับคุณได้ ขอให้สนุกกับการซื้อบิทคอยน์และประสบความสำเร็จในการได้เห็นเงินลงทุนของคุณงอกเงยมากยิ่งขึ้นในอนาคต!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเล่นบิทคอยน์

1. ต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะเริ่มเล่นบิทคอยน์ได้?

การเริ่มต้นเทรดบิทคอยน์นั้นสามารถทำได้ด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย แต่จำนวนขั้นต่ำที่คุณสามารถลงทุนได้อาจจะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่เลือกใช้งาน เช่น Bitkub ที่คุณสามารถเทรดบิทคอยน์ได้แม้มีเงินทุนเพียง 100 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องตรวจสอบก็คือ ค่าธรรมเนียมการเทรด และ ค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอน ซึ่งการใช้แพลตฟอร์มที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเหล่านี้ต่ำก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมาก

2. เล่นบิทคอยน์มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

การลงทุนบิทคอยน์มีความเสี่ยงหลายประการที่นักลงทุนควรพิจารณา เช่น ความผันผวนของราคาที่สูง การขาดกฎระเบียบและการควบคุมที่ชัดเจนในประเทศไทย ภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ โอกาสที่จะถูกหลอกลวงผ่านโครงการลงทุนปลอมๆ และความเสี่ยงจากการจัดการที่ขาดมาตรฐาน นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน

3. มือใหม่ควรเริ่มเทรดบิทคอยน์อย่างไร?

การเริ่มต้นซื้อขายบิทคอยน์สำหรับมือใหม่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเลือกแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง จากนั้น สมัครบัญชีและยืนยันตัวตน ฝากเงิน แล้วเริ่มต้นการซื้อขายบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้เลย อย่างไรก็ตาม การลงทุนในบิทคอยน์มีความเสี่ยงสูง มือใหม่จึงควรศึกษาข้อมูลต่างๆ เช่น วิธีการวิเคราะห์กราฟราคาและติดตามแนวโน้มตลาด หรือ เรียนรู้กลยุทธ์การซื้อขาย เช่น การตั้ง Stop Loss / Take Profit ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็จะไม่สูญเสียเงินทุนไปโดยไม่ควร

4. แอพเทรดบิทคอยน์ในไทยต้องเสียภาษีหรือไม่?

ในประเทศไทย การซื้อขายบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ จะต้องเสียภาษี โดยกำไรจากการซื้อขายจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% และอาจต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 35% ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2024 การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% เพื่อสนับสนุนการลงทุน ดังนั้น หากคุณเล่นบิทคอยน์ในประเทศไทย คุณต้องรายงานรายได้และชำระภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

5. การเก็บบิทคอยน์ให้ปลอดภัยทำอย่างไร?

การจัดเก็บบิทคอยน์อย่างปลอดภัยมีอยู่หลายวิธี เช่น การจัดเก็บใน Cold Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กได้เป็นอย่างมาก หรือ การจัดเก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่เป็นแบบ Non-Custodial Wallet ที่ให้สิทธิ์คุณในการจัดการ Private Key ของคุณเองอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ คุณควรสำรองข้อมูลกระเป๋าเงินบ่อยๆ และอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ต่างๆ การเลือกวิธีจัดเก็บที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันการสูญเสียจากการโจมตีหรือความผิดพลาดของผู้ใช้งานได้