Layer-2 อาจกลายเป็นเทรนด์ปี 2026 หลังมูลค่าแซง Layer-1! และโปรเจกต์นี้คือส่วนผสมที่ลงตัว

Bitcoin Hyper x Christmas

ปลายปี 2025 ตลาดคริปโตเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างชัดขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ Layer-2 กำลังเก็บมูลค่าได้มากกว่า Layer-1 โดยเฉพาะเมื่อดูจากค่าธรรมเนียมและกิจกรรมบนเชน แม้การเติบโตนี้จะช่วยให้เครือข่ายหลักไม่แออัด แต่ในอีกมุมหนึ่งก็สะท้อนว่า เม็ดเงินจำนวนมากไม่ได้ไหลกลับไปหา base token เหมือนที่ผ่านมา

ตรงจุดนี้เองที่ Bitcoin Hyper (HYPER) เข้ามาเล่นบทที่ต่างออกไป คือ แทนที่จะปล่อยให้ Layer-2 เติบโตโดยตัดบทบาทของ Bitcoin (BTC) ออก โปรเจกต์นี้เลือกที่จะออกแบบ Layer-2 ที่ทำให้การใช้งาน BTC จริง ๆ กลายเป็นหัวใจของระบบแทน

แนวคิดของ Bitcoin Hyper คือเอาความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำสไตล์ Solana มาผสานกับความปลอดภัยของ Bitcoin เพื่อให้แอปสามารถทำงานได้เร็ว ใช้งานได้จริง และที่สำคัญคือ ไม่ทิ้ง BTC ไว้ข้างหลัง

ผู้สนับสนุนระยะแรกมองว่านี่อาจเป็นก้าวสำคัญของ Layer-2 ที่ไม่ได้แค่รองรับแอปความเร็วสูง แต่ยังสร้างดีมานด์ให้ Bitcoin จากการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การถือเก็งราคา

ขณะเดียวกัน พรีเซลของโปรเจกต์ก็เดินหน้าแรงไม่หยุด ล่าสุดระดมทุนไปแล้วกว่า $29.7 ล้าน สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาด และทำให้หลายคนมองว่าช่วงต้นน้ำอาจใกล้หมดลง โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ $0.013475 ต่อ $HYPER และจะขยับขึ้นในรอบถัดไปทีละนิด

ทำไมคนใช้เยอะ แต่ราคา Layer-1 ไม่ไปไหน?

ตลอดปี 2025 ตัวเลข Total Value Locked (TVL) ในหลายระบบนิเวศปรับขึ้นต่อเนื่อง จากประมาณ 20 ล้าน ETH ไปแตะจุดสูงสุดเกิน 25 ล้าน ETH ขณะเดียวกัน ค่าธรรมเนียมจากแอปและ Layer-2 ก็ยังอยู่ในระดับสูง แปลว่าผู้ใช้งานยังคงทำธุรกรรมกันจริง ไม่ได้หายไปไหน

แต่สิ่งที่ไม่สอดคล้องกันคือ ราคาโทเค็น Layer-1 ซึ่งยังแกว่งตัวในกรอบ ไม่ได้สะท้อนการเติบโตของกิจกรรมบนเชนอย่างที่หลายคนคาดหวัง สรุปง่าย ๆ ก็คือ มีการใช้งาน มีมูลค่าเกิดขึ้น แต่เงินไม่จำเป็นต้องไหลกลับไปที่โทเค็นฐานเสมอไป

นี่คือภาพสะท้อนโครงสร้างใหม่ของตลาดคริปโต ที่เลเยอร์ประมวลผลและแอปเริ่มเป็นฝ่ายเก็บมูลค่ามากขึ้น ขณะที่ Layer-1 ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการสร้างรายได้โดยตรง

ทั้ง Ethereum และ Bitcoin เองก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับธุรกรรมซับซ้อนจำนวนมากบน Layer-1 อยู่แล้ว หากฝืนใช้งานก็จะเจอปัญหาความแออัดและค่าธรรมเนียมสูง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Layer-2 เติบโต แต่ก็แลกมากับบทบาททางเศรษฐกิจของโทเค็นฐานที่ลดลง

ประเด็นนี้ยิ่งชัดขึ้นในช่วงที่ราคา Bitcoin อ่อนตัวลงมาแถว $87,000 หลังเคยขึ้นไปใกล้ $90,000 ทำให้ความหวังเรื่อง Santa Claus rally แผ่วลง แม้ภาพใหญ่ของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์เก็บมูลค่าจะยังไม่เปลี่ยน แต่การขาด utility เชิงแอปก็ยังเป็นข้อจำกัดสำคัญ

Bitcoin Hyper จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่ออุดช่องว่างนี้ โดยพยายามทำให้ Bitcoin ได้ประโยชน์จากการใช้งานจริงบน Layer-2 อย่างเป็นรูปธรรม

รู้จัก Layer-2 ที่เร็วขึ้น แต่ยังคงให้ Bitcoin เป็นศูนย์กลาง

Bitcoin Hyper เป็น Layer-2 ที่สร้างบน Bitcoin โดยใช้ Solana Virtual Machine (SVM) เป็นเลเยอร์ประมวลผล ธุรกรรมจึงเร็วและต้นทุนต่ำลง ขณะที่การชำระขั้นสุดท้ายยังยึดอยู่กับเครือข่าย Bitcoin

จุดต่างสำคัญคือ โปรเจกต์นี้ไม่ปล่อยให้กิจกรรมบน Layer-2 เบี่ยงความสนใจออกจาก BTC แต่กำหนดให้ BTC เป็นสื่อกลางหลักของการใช้งานแอปบนเครือข่าย เพื่อให้มูลค่ายังไหลกลับไปหา Bitcoin แม้การประมวลผลจะเกิดนอก Layer-1 ก็ตาม

โครงสร้างนี้ทำงานผ่าน canonical bridge ของ Bitcoin Hyper ที่ล็อก BTC ไว้บนเชนหลัก แล้วนำมาใช้งานบน Layer-2 อย่างปลอดภัย เปิดทางให้ BTC ถูกใช้งานจริงในโลกแอป ซึ่งเป็นสิ่งที่ Layer-1 ทำได้จำกัด

กล่าวคือ ในระบบนี้ BTC คือหัวใจของเศรษฐกิจ ส่วน HYPER ทำหน้าที่เป็นโทเค็นสำหรับจ่ายค่า gas เพื่อให้ระบบทำงานได้ลื่น โดยไม่ได้เข้ามาแย่งบทบาทของ Bitcoin นั่นเอง

เมื่อการพัฒนาเดินหน้าต่อ ผู้สนับสนุนเชื่อว่าโครงสร้างนี้อาจทำให้ Bitcoin Hyper กลายเป็น Layer-2 สำคัญในยุคถัดไป และสำหรับผู้ที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงพรีเซล ก็ถือเป็นโอกาสได้สัมผัสโปรเจกต์ก่อนเข้าสู่เฟสถัดไปของตลาด

วิธีซื้อ HYPER ง่าย ๆ

ผู้ที่สนใจสามารถซื้อ $HYPER ได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper รองรับการชำระด้วย SOL, ETH, USDT, USDC, BNB รวมถึงบัตรเครดิต

สำหรับกระเป๋าเงิน ทางโปรเจกต์ได้แนะนำให้ใช้ Best Wallet ซึ่งรองรับทั้งคริปโตทั่วไปและ Bitcoin ส่วน HYPER ก็ถูกแสดงอยู่ในหน้า Upcoming Tokens แล้ว ทำให้สามารถซื้อ ติดตาม และเคลมโทเค็นได้สะดวกเมื่อเปิดใช้งานจริง

หากต้องการติดตามความคืบหน้าเพิ่มเติม สามารถเข้าร่วมชุมชนของ Bitcoin Hyper บน Telegram และ X หรือเข้าเว็บไซต์เพื่อดูรายละเอียดของโปรเจกต์ได้โดยตรง

ไปยัง Bitcoin Hyper

Exit mobile version