แรงเทขายจากผู้ถือยาวถล่มตลาด! วิเคราะห์เหตุผลที่ทำให้ Bitcoin ยังพุ่งไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ

Bitcoin ชนกำแพงแก้วแตก

การฟื้นตัวของราคา Bitcoin (BTC) อาจต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก หลังนักวิเคราะห์ชี้ว่าแรงกดดันจากการเทขายอย่างต่อเนื่องมาจากกลุ่มผู้ถือครองระยะยาว (Long-Term Holders) ที่ทยอยทำกำไรมหาศาล ข้อมูลบนบล็อกเชนเผยให้เห็นว่านี่ไม่ใช่การปั่นตลาด แต่เป็นการขายทำกำไรตามกลไกตลาด ซึ่งสร้างแนวต้านสำคัญที่ทำให้ราคา Bitcoin ยังไม่สามารถทะยานขึ้นไปได้

ด้วยแรงกดดันจากการเทขายนี้ จึงทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า Bitcoin มีความเสี่ยงที่จะต้องปรับฐานราคาครั้งใหญ่ หากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนในเร็วๆ นี้

เจาะลึกข้อมูล On-Chain! เผยแรงเทขาย Bitcoin จากผู้ถือยาว

James Check นักวิเคราะห์ชื่อดังได้เปิดเผยข้อมูล On-chain ที่น่าสนใจว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาคริปโตอ่อนตัวลงล่าสุดนั้นไม่ได้มาจากการปั่นราคาหรือ “Paper Bitcoin” แต่มาจากการที่นักลงทุนระยะยาวตัดสินใจเทขายเพื่อทำกำไร (Take Profit) อย่างแท้จริง เขาระบุว่า “มันก็แค่การขายแบบตรงไปตรงมา” และคลื่นการทำกำไรนี้ได้กลายเป็น “แหล่งที่มาของแนวต้าน” ที่ขัดขวางการปรับตัวขึ้นของ Bitcoin

ข้อมูลของ Check แสดงให้เห็นว่าอายุเฉลี่ยของเหรียญที่ถูกใช้จ่าย (Age of Spent Coins) เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าผู้ที่กำลังเทขายคือกลุ่มนักลงทุนผู้มีประสบการณ์ ไม่ใช่นักเก็งกำไรระยะสั้น นอกจากนี้ ตัวเลขยังชี้ให้เห็นว่ากำไรที่เกิดขึ้นจริง (Realized Profits) พุ่งสูงถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน

ในขณะที่การขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง (Realized Losses) อยู่ที่ 430 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเป็นอันดับสามในวัฏจักรปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น อุปทานที่ถูกปลุกขึ้นมาจากกระเป๋าเงินที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมานาน (Revived Supply) มีมูลค่าสูงถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน ตอกย้ำว่าเหรียญที่ถูกถือมานานกำลังกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง

มุมมองนี้สอดคล้องกับ Will Clemente นักลงทุนคริปโตที่กล่าวว่าความอ่อนแอของ Bitcoin ในช่วงปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงการถ่ายโอนอุปทานจากผู้ถือครองยุคแรก (OGs) ไปยังนักลงทุนสถาบัน ในขณะที่ Mike Novogratz ซีอีโอของ Galaxy Digital ก็เห็นด้วย โดยกล่าวว่าผู้ถือ Bitcoin มายาวนานจำนวนมากกำลังตัดสินใจทำกำไรหลังจากถือมาหลายปีเพื่อนำเงินไปซื้อสินทรัพย์หรูหรา เช่น เรือยอชท์ หรือทีมกีฬา

ตลาดหมีมาเยือน? จับตาแนวรับสำคัญของ Bitcoin ท่ามกลางความกลัว

สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวม โดยดัชนี Fear & Greed Index ได้ร่วงลงจากระดับ 64 (Greed) มาอยู่ที่ 22 ซึ่งบ่งชี้ถึงสภาวะ “ความกลัวสุดขีด” (Extreme Fear) ในหมู่นักเทรด ขณะที่ดัชนีของ CoinMarketCap ก็ลดลงจาก 54 เหลือ 28 สะท้อนถึงการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่แพร่หลายในตลาด

สภาวะความกลัวสุดขีดเช่นนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามว่า นี่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของตลาดหมี หรือเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น

ท่ามกลางแรงกดดันจากการเทขาย Bitcoin ยังคงสามารถรักษาแนวรับสำคัญที่ระดับ 108,700 ดอลลาร์ไว้ได้ในการปิดแท่งเทียนรายสัปดาห์ ซึ่ง Rekt Capital นักวิเคราะห์ตลาดมองว่าการยืนเหนือระดับนี้อาจเป็นบันไดไปสู่การทดสอบแนวต้านที่ 120,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน ราคา Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 110,000 ดอลลาร์ และกำลังเผชิญกับแนวต้านสำคัญในบริเวณดังกล่าว

นอกจากนี้ ข้อมูล On-chain ยังเสริมมุมมองเชิงลบ โดยพบว่าผู้ถือครองระยะยาวได้เทขายไปแล้วกว่า 265,700 BTC ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการไหลออกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ทำให้นักเทรดอย่าง Tony “The Bull” Severino เชื่อว่าช่วง 100 วันข้างหน้านี้จะเป็นตัวตัดสินว่า Bitcoin จะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นแบบพาราโบลา หรือจะสิ้นสุดวงจรตลาดกระทิงในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ Bitcoin นักลงทุนบางส่วนก็เริ่มหันไปมองหาโอกาสในตลาดทางเลือก เช่น การลงทุนในเหรียญต้นน้ำที่มีศักยภาพเติบโตสูงในปี 2025 ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในสภาวะตลาดปัจจุบัน

นอกจากเหรียญต้นน้ำแล้ว อีกหนึ่งกระแสที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือ กลุ่มเหรียญมีมที่น่าจับตาในปี 2025 ซึ่งถึงแม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนมหาศาลได้เช่นกัน

รู้จัก Bitcoin Hyper — Layer-2 ที่ทำให้ Bitcoin เร็วและถูกกว่าที่เคย

Bitcoin Hyper ($HYPER) กำลังเป็นที่จับตาในฐานะคริปโทเคอร์เรนซีที่น่าสนใจ ด้วยยอดระดมทุนกว่า 22.3 ล้านดอลลาร์ภายในสองเดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะช่วงที่ Bitcoin มีโอกาสสร้างสถิติราคาสูงสุดใหม่ และตลาด Altcoins เริ่มคึกคัก

Bitcoin Hyper คือ Layer-2 ที่พัฒนาบน Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อยกระดับ Bitcoin จากสินทรัพย์เก็บมูลค่า ให้เป็นเครือข่ายความเร็วสูงที่ใช้งานได้จริงในโลก DeFi, dApps และ Meme Culture สามารถประมวลผลธุรกรรมได้หลายหมื่นรายการต่อวินาที ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์ โดยยังคงความปลอดภัยผ่าน Zero-Knowledge Proof (ZKP) ในการบีบอัดข้อมูลก่อนส่งกลับไปยืนยันบน Layer-1

แพลตฟอร์มนี้เข้ามาแก้ปัญหาข้อจำกัดของ Bitcoin เดิม ทั้งความเร็วในการทำธุรกรรมที่จำกัด ค่าธรรมเนียมที่สูงในช่วงการใช้งานหนาแน่น และข้อจำกัดในการเขียนโปรแกรม Bitcoin Hyper จึงสร้างเลเยอร์ใหม่ที่เชื่อม Bitcoin เดิมเข้ากับระบบที่เร็วกว่า ถูกกว่า และสามารถเขียนโปรแกรมได้ รองรับการสร้างโทเคน, DeFi, Micropayment, GameFi และ NFT รวมถึงมี Cross-Chain Bridge สำหรับการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ระหว่าง BTC, ETH และ SOL อย่างปลอดภัยตั้งแต่แรกเริ่ม

หากคุณเตรียมเข้าลงทุนใน Bitcoin Hyper โปรดศึกษา บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper และอย่าลืมดูวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ทีละขั้นตอน เพื่อวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม

รับเนื้อหาแบบเป็นทางการจาก เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper พร้อมเก็บอินไซต์สดใหม่ได้ที่ X และ ช่อง Telegram

ไปยัง Bitcoin Hyper

Exit mobile version