BTC กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังฟื้นตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ $113,000 ได้สำเร็จ ท่ามกลางสัญญาณบวกจากนักวิเคราะห์และข้อมูล On-chain ที่ชี้ว่าอาจเกิดการ Breakout ครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการกลับไปทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) เดิมที่บริเวณ $124,000 ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองการเคลื่อนไหวของ Bitcoin อย่างใกล้ชิด
วิเคราะห์กราฟ Bitcoin ยืนยันสัญญาณ Breakout
หลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงลงไปทดสอบแนวรับแถว $108,000 ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดราคาก็ได้ดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง โดยเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ $113,200 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2% ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
Let's break it upwards. That's great. $BTC pic.twitter.com/Gtnl1VNUAO
— Michaël van de Poppe (@CryptoMichNL) September 5, 2025
นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Rekt Capital ได้ชี้ให้เห็นว่ากราฟราคา Bitcoin ได้ทะลุกรอบเส้นแนวโน้มขาลง (Descending Trendline) ที่กดดันราคามาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมได้แล้ว ซึ่งถือเป็นการยืนยันสัญญาณ Breakout ทางเทคนิคอย่างเต็มรูปแบบ
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในระยะสั้นคือ ราคา Bitcoin จะสามารถยืนเหนือแนวรับจิตวิทยาที่ $113,000 ได้หรือไม่
หากทำได้สำเร็จ จะเป็นการเปิดทางให้ราคามีโอกาสพุ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $114,700 และ $116,800 ตามลำดับ การผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปได้จะเพิ่มโมเมนตัมเชิงบวก และเพิ่มโอกาสให้ Bitcoin กลับไปท้าทายจุดสูงสุดเดิมที่ $124,300 อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากราคากลับร่วงลงมา แนวรับสำคัญจะอยู่ที่ $111,500 และ $108,900
ข้อมูล On-Chain ชี้แรงซื้อ BTC เพิ่มขึ้น แรงเทขายลดลง
นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว ข้อมูลบนบล็อกเชน (On-chain Data) ยังส่งสัญญาณบวกสนับสนุนการฟื้นตัวของ Bitcoin ครั้งนี้อีกด้วย โดยข้อมูล Netflow จาก CryptoQuant แสดงให้เห็นว่ายังคงมีเหรียญ Bitcoin ถูกโอนออกจาก Exchange อย่างต่อเนื่อง (Negative Netflows) ซึ่งบ่งชี้ถึงพฤติกรรมการสะสมของนักลงทุนมากกว่าการเทขายเพื่อทำกำไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ราคาปรับตัวลงไปแตะ $108,000 กลับมีปริมาณ Bitcoin ไหลออกจาก Exchange สูงสุดถึงเกือบ 30,000 BTC แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ได้ใช้จังหวะนี้ในการเข้าช้อนซื้อ
แนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินมาจนถึงต้นเดือนกันยายน ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากการเทขายในตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าหาก Netflows กลับมาเป็นบวก (ไหลเข้า Exchange) บริเวณแนวต้าน $113,000-$116,000 อาจเป็นสัญญาณของการเทขายทำกำไรระยะสั้นได้
เชื่อมั่นในอนาคต BTC? Bitcoin Hyper อาจตอบโจทย์อนาคตใหม่
ขณะที่ Bitcoin มีโอกาสขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่ และการที่วาฬและสถาบันช้อนซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง เหรียญหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์เต็มๆ คงจะหนีไม่พ้น Bitcoin Hyper ($HYPER) ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว โดยระดมทุนได้กว่า 14 ล้านดอลลาร์แล้วภายใน 2 เดือน
โครงการนี้มุ่งยกระดับ Bitcoin จากสินทรัพย์เก็บมูลค่าให้เป็นเครือข่ายความเร็วสูงที่ใช้งานได้จริงในโลก dApps, DeFi และ Meme Culture ด้วยการนำเทคโนโลยี Solana Virtual Machine (SVM) มาสร้างเป็น Layer-2 ที่มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก โดยยังคงความปลอดภัยของ Bitcoin ผ่านการใช้เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP)
Bitcoin Hyper เข้ามาแก้ไขข้อจำกัดของเครือข่าย Bitcoin ดั้งเดิมที่ช้า มีค่าธรรมเนียมสูง และมีข้อจำกัดในการเขียนโปรแกรม ด้วยการสร้างเลเยอร์ใหม่ที่เชื่อมต่อกับ Bitcoin เดิม เพื่อให้การทำธุรกรรมรวดเร็วขึ้น (สามารถทำธุรกรรมได้ถึงหลายหมื่นรายการต่อวินาที)
นอกจากนี้ ระบบยังรองรับการเชื่อมโยงข้ามเชน (Cross-Chain Bridge) ระหว่าง BTC, ETH และ SOL ได้ตั้งแต่วันแรก ทำให้การเคลื่อนย้ายสินทรัพย์เป็นไปอย่างปลอดภัยและสามารถนำสินทรัพย์จากเครือข่ายอื่นมาใช้งานใน Bitcoin Layer-2 ได้ทันที
ส่วนโทเค็น $HYPER จะมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ โดยใช้เป็นค่า Gas สำหรับธุรกรรมบน Layer-2 เพื่อเป็นกุญแจเข้าถึง dApps และฟีเจอร์พรีเมียม รวมถึงใช้ในการกำกับดูแลแบบ DAO เพื่อให้ผู้ถือโทเค็นมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางโครงการ
การออกแบบนี้เชื่อมโยง $HYPER โดยตรงกับการเติบโตของ Bitcoin ทำให้ผู้ถือโทเค็นได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเครือข่าย นี่จึงถือเป็นโครงการแรกที่นำ SVM มาปรับใช้กับ Bitcoin ซึ่งมอบความได้เปรียบทางเทคนิคที่ชัดเจน และระบบพร้อมใช้งานจริง ไม่ใช่เพียงแค่เอกสาร Whitepaper เท่านั้น
หากคุณสนใจ แนะนำให้อ่านบทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper หรือศึกษาวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper หรือติดตามได้ใน X และ ช่อง Telegram