ตั้งแต่ราคาของ Ethereum แตะระดับต่ำสุดในรอบปีช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกว่า “วาฬ” ได้ทยอยสะสมเหรียญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโต Santiment ระบุว่า ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน วาฬที่ถือครอง Ethereum จำนวน 1,000–100,000 ETH ได้เพิ่มการถือครองมากขึ้นถึง 14% คิดเป็นมูลค่าระหว่าง 4.41 ล้านดอลลาร์ ถึง 440.81 ล้านดอลลาร์
ปัจจุบันราคา Ethereum ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,376 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 197% จากระดับต่ำสุด 1,472 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ซึ่งการสะสมเหรียญของวาฬมักถูกนักลงทุนรายย่อยจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการขายออกจำนวนมากอาจเป็นสัญญาณขาลง แต่ในทางกลับกัน การกวาดซื้อสะสมมักสะท้อนความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มขาขึ้นของตลาด
บางวาฬพลาดจังหวะ ขายหมูแล้วต้องซื้อแพง
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่านักลงทุนรายใหญ่ทุกคนจะจับจังหวะได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ กระเป๋าเงินคริปโตหนึ่งใบที่ตัดสินใจขาย 2,522 ETH ไปในเดือนเมษายนที่ราคาประมาณ 1,570 ดอลลาร์ ทำให้ได้รับเงินกลับมา 3.9 ล้านดอลลาร์ แต่ต่อมากลับต้องซื้อคืน 1,425 ETH ในราคาแพงขึ้นถึง 3.8 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม สะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของตลาด Ethereum เต็มไปด้วยความผันผวนและไม่ง่ายแม้แต่นักลงทุนระดับวาฬ
แรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ราคาพุ่งขึ้น คือกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF และการที่บริษัทใหญ่ ๆ เริ่มถือครอง ETH เป็นสินทรัพย์ในคลัง ตัวอย่างเช่น Sharplink Gaming และ BitMine Immersion Technologies ที่เข้าซื้อในช่วงเดือนมิถุนายน เมื่อราคา Ethereum เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 2,228–2,813 ดอลลาร์ โดยเฉพาะ BitMine ซึ่งกลายเป็นผู้ถือครอง ETH รายใหญ่ที่สุด คิดเป็นมูลค่า 8.22 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Sharplink Gaming ถืออยู่ราว 3.69 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก StrategicETHReserve
กองทุน Treasury ครองเกือบ 3% ของอุปทานรวม Ethereum
เมื่อรวมแล้ว บริษัทที่จัดเก็บ Ethereum ไว้ในคลังมีการถือครองรวมมูลค่ากว่า 15,830 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 2.97% ของอุปทาน ETH ทั้งหมดทั่วโลก ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่ากระแสสถาบันการเงินและภาคธุรกิจให้ความสนใจ Ethereum มากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ เดือนสิงหาคมยังเป็นเดือนที่กองทุน ETF ของ Ethereum โดดเด่นอย่างมาก โดยมีกระแสเงินทุนไหลเข้าสูงถึง 3.87 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กองทุน Bitcoin ETF กลับมีเงินไหลออกถึง 751 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวเชิงบวกที่ทำให้นักลงทุนมองว่า Ethereum ยังคงเป็น เหรียญ Altcoin ชั้นนำ ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในระดับโลก
นักวิเคราะห์คาด Ethereum อาจแตะ 15,000 ดอลลาร์ปลายปีนี้
ความร้อนแรงของ Ethereum ยังสะท้อนผ่านการกลับมาทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (ATH) อีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ราคาขึ้นไปแตะระดับ 4,934 ดอลลาร์ สูงกว่าจุดสูงสุดเดิมในปี 2021 ที่ 4,878 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์จาก Fundstrat อย่าง Sean Farrell ประเมินว่า ราคามีโอกาสทะยานต่อไปแตะ 12,000–15,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หากแรงหนุนจากกองทุน ETF และสถาบันการเงินยังคงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ยังมีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าโฟกัสหลักของตลาดจะกลับไปที่ Bitcoin เนื่องจากสัดส่วน ETH/BTC ในรอบสัปดาห์ลดลงราว 2.27% ข้อมูลจาก Arkham Intelligence ชี้ว่ากองทุน ETF เพิ่งขาย ETH มูลค่า 135 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปซื้อ Bitcoin กว่า 332 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนการโยกย้ายเงินทุนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำทั้งสอง
ถึงแม้จะมีการแข่งขันกับ Bitcoin อยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานและความนิยมที่เพิ่มขึ้น Ethereum ยังคงเป็นหนึ่งใน เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตของระบบการเงินดิจิทัล
Best Wallet โอกาสใหม่ท่ามกลางการพุ่งแรงของ Ethereum
หาก Ethereum สามารถทะยานแตะ 15,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี นักลงทุนยิ่งต้องการเครื่องมือที่ช่วยจัดการสินทรัพย์ได้ปลอดภัยและคล่องตัว Best Wallet จึงกลายเป็น กระเป๋าเงินคริปโตสำหรับ Ethereum ที่ดีที่สุด ที่ตอบโจทย์ทั้งการถือครองและการใช้งาน DeFi
นอกจากความปลอดภัยระดับสถาบันและระบบ DEX ในตัว Best Wallet ยังมาพร้อมฟีเจอร์ Market Insights ที่ช่วยให้ผู้ใช้อัพเดตข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ เหมาะอย่างยิ่งในภาวะที่วาฬกำลังสะสม Ethereum ต่อเนื่อง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างแม่นยำ
และที่สำคัญ การเปิดตัว BEST Token โทเค็นหลักของแพลตฟอร์ม Best Wallet จะช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ได้ก่อนใคร ด้วยสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งส่วนลดค่าธรรมเนียมและรางวัลสเตกกิ้งสูง จึงถือเป็นอีกหนึ่ง เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนวันนี้ สำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในอนาคตของระบบการเงินดิจิทัล