กระเป๋าเงินคริปโตถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการจัดการสกุลเงินดิจิทัล ช่วยปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลจากการโจรกรรม สูญหาย หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยลักษณะของคริปโตที่ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ความรับผิดชอบในการดูแลสินทรัพย์จึงตกอยู่ที่มือของผู้ใช้งาน การเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะสมจึงอาจทำให้หลายคนรู้สึกหนักใจ
ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินคริปโต อันไหนดี บทความนี้เรารวบรวมกระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มาให้แล้วโดยแบ่งเป็นประเภทกระเป๋าเงินแบบ Hot และ Cold พร้อมวิเคราะห์ฟีเจอร์สำคัญ ๆเช่น ความปลอดภัย การรองรับการใช้งาน และความสะดวกสบาย เราจะพาคุณไปดูตัวเลือกที่น่าสนใจ เหตุผลที่แต่ละตัวเลือกได้รับการแนะนำ และเคล็ดลับที่ควรทราบเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
การเลือก Hot Wallet ที่เหมาะสมคือการหาสมดุลระหว่างความสะดวกในการใช้งานและความปลอดภัย กระเป๋าเงินแบบนี้เหมาะกับนักเทรดคริปโตที่ทำธุรกรรมบ่อย เพราะสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ (DEX) และ stake เหรียญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระเป๋าเงินคริปโตแบบร้อน (Hot Wallet) คืออะไร?
Hot Wallet คือกระเป๋าเงินคริปโตที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเน้นความสะดวกในการใช้งาน ช่วยให้คุณเก็บ ส่ง หรือ stake คริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม Hot Wallet มีความปลอดภัยน้อยกว่ากระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet ที่เก็บข้อมูลแบบออฟไลน์ทั้งหมด
เปรียบเทียบ Hot Wallet ที่ดีที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
หลังจากที่เราได้พิจารณา hot wallet กว่า 20 ตัว เราได้คัดเลือกเหลือ 4 ตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยพิจารณาจากสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในโลกคริปโตหรือเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์ เรามั่นใจว่าจะต้องมีกระเป๋าสักใบที่เหมาะกับคุณอย่างแน่นอน
Hot Wallet | จุดเด่น |
Best Wallet | เหมาะสำหรับมือใหม่ |
Exodus Wallet | ใช้งานง่าย |
Margex Wallet | เหมาะสำหรับการเทรดในตลาด |
Zengo | ความปลอดภัยดีเยี่ยม |
1. Best Wallet – Hot Wallet ที่ดีที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025
รองรับคริปโตเคอร์เรนซี: มากกว่า 1,000 เหรียญ
- รองรับเครือข่าย: มากกว่า 50 เครือข่าย
- กระดานเทรดในตัว: มี
ข้อดี
- รองรับสินทรัพย์มากกว่า 1,000 รายการบนบล็อกเชนกว่า 50 เครือข่าย
- การแลกเปลี่ยนในกระเป๋าเงินที่รองรับการซื้อด้วยทั้งคริปโตและบัตรเครดิต
- สิทธิ์รับ Airdrop เหรียญ $BEST สำหรับผู้ใช้งาน
- เข้าถึง presale สุดพิเศษ
ข้อเสีย
- ปัจจุบันใช้ได้เฉพาะบนโทรศัพท์มือถือ
Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบมัลติ-เชนที่ไม่ต้องมีผู้ดูแล (non-custodial) ออกแบบมาเพื่อการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายและเน้นความเป็นส่วนตัว โดยผสานระบบนิเวศ Web3 รองรับเหรียญต่าง ๆ รวมถึงโทเคนและ NFT จากหลายบล็อกเชน เช่น Bitcoin, Ethereum, Polygon และ Solana นอกจากนี้ยังมีโทเคนดิจิทัลพื้นฐาน ($BEST) ซึ่งมอบสิทธิ์ในการใช้งานโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม พร้อมทั้งรางวัล airdrop เพิ่มเติม
อินเทอร์เฟซของกระเป๋าเงินออกแบบมาให้ใช้งานง่ายทั้งในระบบ iOS และ Android เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่ดีที่สุดสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เพราะมีแนวทางที่ครบวงจรในด้านอำนาจการควบคุมของผู้ใช้ ความเป็นส่วนตัว และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย โดดเด่นในด้านการรองรับหลายบล็อกเชน พร้อมทั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง และเครื่องมือที่ครบครันสำหรับการวิเคราะห์ตลาดและการจัดการสินทรัพย์
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- แดชบอร์ด Presale: เข้าถึง presale เหรียญคริปโตที่มีศักยภาพในราคาต่ำได้ก่อนใคร
- Token Airdrops: ผู้ใช้งานมีสิทธิ์รับเหรียญ $BEST และคริปโตอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- การวิเคราะห์ตลาด: ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มตลาดแบบเรียลไทม์ที่วิเคราะห์จากโซเชียลมีเดีย
- มาตรการความปลอดภัยขั้นสูง: การเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End, การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน, และตัวเลือกการรักษาความปลอดภัยด้วยชีวมาตร (Biometric)
2. Exodus – กระเป๋าที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด
รองรับคริปโตเคอร์เรนซี: มากกว่า 1,000 รายการ
- รองรับเครือข่าย: มากกว่า 50 เครือข่าย
- กระดานเทรดในตัว: มี
ข้อดี
- ออกแบบใช้งานง่ายสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
- รองรับคริปโตเคอร์เรนซีหลายพันรายการบนเครือข่ายกว่า 50 เครือข่าย
- ใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ
- สามารถแลกเปลี่ยนเหรียญได้ในตัว ทำให้ swab คริปโตได้สะดวก
ข้อเสีย
- ไม่มีการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน
การออกแบบที่ทันสมัยและใช้งานง่ายของ Exodus ทำให้เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์ โดยแพลตฟอร์มนี้รองรับคริปโตมากกว่า 300 รายการ คุณสามารถใช้งาน Exodus ได้บนหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป (Windows, macOS, Linux) ไปจนถึงโทรศัพท์ (iOS และ Android) และส่วนขยายในเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนในตัวเพื่อให้คุณสามารถ swab คริปโตได้สะดวก
คุณยังสามารถสร้างรายได้แบบ passive โดยใช้ฟังก์ชัน stake ของกระเป๋าเงินนี้ จำนวนเหรียญที่คุณได้รับอาจแตกต่างกันไป แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกจากนี้กระเป๋าเงินนี้มีการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงและมีคลังข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อแนะนำคุณเกี่ยวกับพื้นฐานของกระเป๋าเงินคริปโต
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Exodus เก็บคีย์ส่วนตัวและข้อมูลธุรกรรมไว้ในอุปกรณ์ของคุณเองเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงเช่น การยืนยันตัวตนสองขั้นตอนหรือโค้ดแบบโอเพนซอร์ส แต่คุณสามารถเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ Trezor เพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้อีกขั้น
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- การควบคุมคีย์ส่วนตัว: เก็บคีย์ส่วนตัวและข้อมูลธุรกรรมไว้ในอุปกรณ์ของคุณเพื่อความปลอดภัย
- ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์: ใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อป (Windows, macOS, Linux), มือถือ (iOS และ Android), และส่วนขยายในเบราว์เซอร์
- กระดานแลกเปลี่ยนในตัว: สามารถ swab คริปโตระหว่างกันได้โดยไม่ต้องออกจากกระเป๋าเงิน
- ฟังก์ชันการ stake: สร้างรายได้แบบ passive จากรางวัลการ stake
3. Margex Wallet – กระเป๋าเงินที่เหมาะกับการเทรดที่สุด
รองรับคริปโตเคอร์เรนซี: 50 รายการ
- รองรับเครือข่าย: มากกว่า 10 เครือข่าย
- กระดานเทรดในตัว: มี
ข้อดี
- มีความปลอดภัยสูง
- มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
- ผู้ใช้งานที่แลกเปลี่ยนเหรียญสามารถเข้าถึงฟีเจอร์หลายอย่างในราคาต่ำ
ข้อเสีย
- กระเป๋าเงินนี้ไม่สามารถใช้งานได้โดยตัวเอง (ต้องใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน)
กระเป๋าเงินนี้เด่นตรงที่ค่าธรรมเนียมต่ำ ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการฝาก และมีผลตอบแทนจากการ stake ที่สูง นอกจากนี้ยังให้เทรดเดอร์ใช้ Leverage ได้สูงสุดถึง 100 เท่า เพื่อเพิ่มผลกำไรแม้ในช่วงตลาดขาลง
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นในการเทรดคริปโต เครื่องมือ copy trading จะช่วยได้มาก เพราะช่วยให้คุณคัดลอกกลยุทธ์จากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ได้แบบเรียลไทม์
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Margex Wallet เหมาะสำหรับคนที่อยากได้กระเป๋าเงินที่เชื่อมต่อกับกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่น่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับมือใหม่และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ เพราะออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ค่าธรรมเนียมต่ำ และยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง copy trading
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- Stake พร้อมการเทรด: ผู้ใช้สามารถทำ stake กับสินทรัพย์ เช่น USDT และ USDC เพื่อรับผลตอบแทนสูงสุด 5% APY พร้อมยังใช้เงินเหล่านั้นในการเทรดด้วย Leverage ได้
- Copy Trading: ผู้ใช้สามารถคัดลอกการเทรดของเทรดเดอร์ชั้นนำ ทำให้มือใหม่สามารถเข้าร่วมตลาดได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึก
- Leverage Trading: Margex ให้ Leverage สูงสุดถึง 100 เท่าสำหรับ Bitcoin, Ethereum, และ Binance Coin และสำหรับ altcoins อาจมีขีดจำกัด Leverage ที่แตกต่างกันออกไป
4. Zengo Wallet – กระเป๋าที่มีความปลอดภัยมากที่สุด
รองรับคริปโตเคอร์เรนซี: 180 รายการ
- รองรับเครือข่าย: 6 เครือข่าย
- กระดานเทรดในตัว: มี
ข้อดี
- ไม่ต้องใช้ recovery phrases ด้วยเทคโนโลยี MPC ขั้นสูง
- รองรับคริปโตเคอร์เรนซีมากกว่า 1,000 รายการ
- ออกแบบให้ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ง่ายสำหรับทุกคน
- สามารถซื้อ ขาย และ swab คริปโตได้โดยตรงในแอป
- มีความปลอดภัยสูงด้วยการล็อกอินด้วย biometric และการยืนยันตัวตนสามขั้นตอน
ข้อเสีย
- ค่าธรรมเนียมสูงกว่าสำหรับการซื้อผ่านบัตร
- ยังไม่รองรับบางบล็อกเชนหลัก เช่น Solana
Zengo ได้เปิดตัวกระเป๋าเงินบนเดสก์ท็อปที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยโดยไม่ลดทอนความสะดวกในการใช้งาน ข้อมูลที่เป็นความลับจะไม่ถูกเก็บในคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่จะใช้เทคโนโลยี MPC เพื่อปกป้องสินทรัพย์คริปโตของคุณ วิธีการนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าทรัพย์สินของคุณปลอดภัยพร้อมทั้งสามารถจัดการพอร์ตได้อย่างสะดวก
Zengo เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและสะอาดตา พร้อมเครื่องมือความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การยืนยันตัวตนสามขั้นตอนและการล็อกอินด้วย biometric ช่วยให้เงินของคุณปลอดภัย Zengo ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยโดยที่ไม่ต้องมีความยุ่งยาก
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Zengo เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งความปลอดภัยและความง่ายดาย การใช้เทคโนโลยี MPC แทนการใช้ seed phrases ซึ่งทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่าง stake และการแลกเปลี่ยนในตัว ทำให้คุณสามารถจัดการคริปโตได้ง่ายในที่เดียว
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- ไม่ต้องใช้ Seed Phrase: ใช้เทคโนโลยี MPC ที่ทันสมัยเพื่อรักษาความปลอดภัยของคริปโต โดยไม่ต้องใช้ recovery phrase
- การเทรดคริปโตสะดวก: สามารถซื้อ ขาย หรือเทรดคริปโตได้ง่าย ๆ ภายในแอป โดยมีทุกอย่างรวมอยู่ในที่เดียว
- โอกาสในการสร้างรายได้: สามารถ stake กับสินทรัพย์ที่รองรับเพื่อรับรางวัลและเพิ่มการถือครองคริปโต
- ความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม: เสริมสร้างความปลอดภัยด้วย biometric และการยืนยันตัวตนสามขั้นตอน (3FA)
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า 24/7: ทีมงานพร้อมช่วยเหลือทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
วิธีการจัดอันดับ Hot Wallet ของเรา
Hot wallet ถูกนำมาใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย จึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอเพื่อรองรับการใช้งานหลายรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะใช้เพื่อเทรด, เก็บ หรือใช้งานกับ dApps ก็ตาม นี่คือเกณฑ์ที่เราใช้พิจารณาในการจัดอันดับ:
เหรียญและเครือข่ายที่รองรับ
ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ hot wallet การที่สามารถเก็บเหรียญทั้งหมดในกระเป๋าเดียวและรองรับหลายเครือข่ายทำให้การจัดการสินทรัพย์ง่ายขึ้นมาก ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับกระเป๋าเงินที่รองรับเหรียญได้มากที่สุดและรองรับเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่าย
คุณภาพของอินเทอร์เฟซผู้ใช้
Hot wallet ควรใช้งานง่าย เมื่อต้องตัดสินใจในการเทรดภายในเวลาอันสั้นหรือใช้งานกับ dApps กระเป๋าเงินต้องสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับกระเป๋าที่มีอินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่าย
ความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน
แม้ว่า hot wallet จะไม่ปลอดภัยเท่ากับ cold wallet แต่ความปลอดภัยก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราได้วิเคราะห์ความปลอดภัยของแต่ละ hot wallet โดยพิจารณาจากฟังก์ชันหลักต่าง ๆ เช่น การจัดการ private keys, seed phrases, การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน และเทคโนโลยีที่ใช้
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
เรายังพิจารณาฟีเจอร์เสริมที่แต่ละกระเป๋ามี เช่น การเทรดภายในกระเป๋า, การ stake และอื่น ๆ ถึงแม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการประเมิน hot wallet แต่ฟีเจอร์เสริมเหล่านี้ช่วยให้กระเป๋าบางตัวโดดเด่นจากตัวอื่น ๆ และช่วยเพิ่มประสบการณ์การเทรดโดยรวม
กระเป๋าเงินคริปโตแบบเย็น (Cold Wallet) คืออะไร?
Cold wallet คือกระเป๋าคริปโตทางกายภาพที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า hot wallet อย่างมาก เหมาะสำหรับการเก็บรักษาคริปโตจำนวนมากในระยะยาว
เปรียบเทียบ Cold Wallet ที่ดีที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
เราได้วิเคราะห์กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบเย็นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความปลอดภัย, ค่าใช้จ่าย และความสะดวกในการใช้งาน กระเป๋าทั้ง 4 ตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยคุณอาจเลือกโดยพิจารณาตามความต้องการของคุณ
ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัย, ความคุ้มค่า หรือความสะดวกสบาย เราได้คัดสรรตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณไว้แล้ว
Cold Wallet | ราคา | จุดเด่น |
Cypherock | เริ่มต้น $159 | ปลอดภัยที่สุด |
Tangem Wallet | เริ่มต้น $59 | ใช้ง่ายที่สุด |
Trezor | เริ่มต้น $59 | ราคาดีที่สุด |
Ledger | เริ่มต้น $79 | เป็นมิตรกับผู้ใช้ที่สุด |
1. Cypherock – ปลอดภัยที่สุด เพราะเก็บคริปโดโดยไม่ต้องใช้ Seed phrases
เหรียญที่รองรับ: มากกว่า 9,000 เหรียญ
- เครือข่ายที่รองรับ: รองรับทุกเครือข่ายหลัก
- ราคา: เริ่มต้นที่ $159
ข้อดี
- ไม่ต้องใช้ seed phrases
- เก็บรักษา private keys (คีย์ส่วนตัว) แยกออกเป็นส่วน ๆ และเก็บในการ์ดที่ป้องกันการดัดแปลง เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
- จัดการคริปโต, NFTs, และ DeFi ในแอปเดียว
- มีฟีเจอร์ส่งมอบสินทรัพย์ให้ผู้รับผลประโยชน์อย่างปลอดภัย
ข้อเสีย
- ราคาอยู่ที่ $159 ซึ่งอาจจะดูแพงสำหรับบางคน
ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินคริปโต อันไหนดี หนึ่งในคำตอบยอดฮิตที่หลายคนนึกถึงคงจะหนีไม่พ้น Cypherock เพราะกระเป๋านี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ แต่ก็ยังต้องการฟีเจอร์ทันสมัย เช่น การจัดการคริปโตมากกว่า 1,000 เหรียญ และการรักษาความปลอดภัยของ NFTs และสินทรัพย์ DeFi นอกจากนี้ Cypherock ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งานและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน ฟีเจอร์การส่งมอบสินทรัพย์ให้ผู้รับผลประโยชน์ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ของคุณจะถูกส่งต่ออย่างปลอดภัยหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Cypherock ปฏิวัติการรักษาความปลอดภัยของคริปโตโดยการไม่ใช้ seed phrases และใช้วิธีเก็บคีย์แบบกระจายจากศูนย์กลาง (decentralized key storage) ซึ่งจะแบ่งคีย์ที่ใช้ในการเข้าถึงคริปโตออกเป็น 5 ส่วน โดยเก็บในการ์ดที่ไม่สามารถถูกแก้ไขหรือดัดแปลงได้ หากการ์ดใบใดหายไป คุณยังสามารถรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ได้
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- การเก็บคีย์แบบกระจายศูนย์ (Decentralized key storage): Cypherock ป้องกันคีย์ส่วนตัวของคุณโดยการแบ่งออกเป็น 5 ส่วนและเก็บแต่ละส่วนไว้ในการ์ดแยกกัน ดังนั้นการสูญหายของการ์ดใดการ์ดหนึ่งจะไม่กระทบต่อความปลอดภัยของเงินของคุณ
• ไม่ต้องใช้ seed phrase: : คุณไม่ต้องจัดการกับรหัสที่ใช้กู้คืนอีกต่อไป เพราะ Cypherock ช่วยให้การเข้าถึงสะดวกขึ้น แต่ยังคงความปลอดภัย
• วางแผนสำหรับอนาคต: ฟีเจอร์พิเศษที่ให้คุณโอนสินทรัพย์ไปยังผู้รับประโยชน์ได้อย่างปลอดภัยเมื่อจำเป็น
2. Tangem Wallet – สะดวกและพกพาง่ายที่สุด
สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 1,000 สกุล
- เครือข่ายที่รองรับ: 75 เครือข่าย
- ราคา: เริ่มต้นที่ $59
ข้อดี
- พกพาสะดวก: กระเป๋าขนาดบัตรเครดิต พกพาง่าย
- รองรับสกุลเงินดิจิทัลหลากหลายมากกว่า 6,000 สกุล
- ไม่มี recovery phrase เพราะใช้ระบบไร้ seed phrase ที่เป็นนวัตกรรมใหม่
- ใช้ NFC เพื่อการเข้าถึงที่รวดเร็วและปลอดภัย
ข้อเสีย
- ใช้งานได้เฉพาะกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC
- ไม่มีแอปพลิเคชันสำหรับเดสก์ท็อป
Tangem Wallet ใช้การออกแบบในรูปแบบการ์ดที่มีลักษณะคล้ายกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งบรรจุชิปที่ปลอดภัยในการเก็บคีย์ส่วนตัว การออกแบบนี้ช่วยให้การใช้งานสะดวกกว่ากระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์แบบ USB ทั่วไป การ์ด Tangem ใช้เทคโนโลยี NFC ซึ่งจะทำงานเมื่อแตะกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC
ชิปที่อยู่ภายในการ์ดได้รับการรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด (EAL6+) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์ส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ และมั่นใจได้ว่าไม่มีบุคคลที่สามสามารถเข้าถึงเงินของคุณได้ Tangem Wallet ยังสามารถเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นกับแอปพลิเคชันมือถือที่รองรับทั้ง Android และ iOS ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่ง, รับ, และจัดการคริปโตเคอเรนซีได้อย่างง่ายดาย
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Tangem Wallet เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดเก็บคริปโตโดยเน้นที่ความสะดวกในการพกพาและความเรียบง่าย การออกแบบที่เหมือนบัตรเครดิตทำให้พกพาง่าย คุณไม่จำเป็นต้องใช้ recovery phrase เพราะกระเป๋านี้เชื่อมต่อได้อย่างปลอดภัยผ่าน NFC ทำให้การจัดการสินทรัพย์ของคุณเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ด้วยการรองรับมากกว่า 6,000 คริปโตเคอเรนซี จึงเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับผู้ใช้คริปโตทุกรูปแบบ
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- การออกแบบบางเบาและพกพาง่าย: กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ขนาดเท่าบัตรเครดิต
- รองรับสินทรัพย์หลากหลาย: รองรับคริปโตเคอเรนซี มากกว่า 6,000 สกุล
- ระบบสำรองข้อมูลไม่ใช้ Seed Phrase: ไม่จำเป็นต้องใช้ recovery phrase ใช้ง่ายและปลอดภัย
- การเข้าถึงผ่าน NFC: ใช้ NFC เพื่อเข้าถึงกระเป๋าเงินโดยตรงผ่านโทรศัพท์ของคุณ
3. Trezor – กระเป๋าที่ราคาดีที่สุด
สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: มากกว่า 1,800
• เครือข่ายที่รองรับ: 16
• ราคา: เริ่มต้นที่ $59
ข้อดี
- กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่มีราคาคุ้มค่าที่สุดในปี 2025
• ใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สเพื่อความโปร่งใส
• ฟีเจอร์ Shamir Backup บน Model T
• รองรับการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน
ข้อเสีย
- ไม่มีฟีเจอร์ stake หรือการจัดการ NFT ในตัว
- ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องใช้ซอฟต์แวร์จากผู้พัฒนาภายนอก
Trezor มีสามรุ่น: Model One (€59), Trezor Safe 3 (€79), และ Trezor Safe 5 (€169) ทุกรุ่นสามารถจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลอย่างปลอดภัยและแบบออฟไลน์ รองรับเหรียญและโทเค็นกว่า 9,000 ชนิด แต่ไม่มีฟีเจอร์ stake หรือการจัดการ NFT ในตัว และไม่มีแอปมือถือหรือการเชื่อมต่อ Bluetooth
หากคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องเข้าถึงจากมือถือ Trezor ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี รุ่น Model T มาพร้อมกับ Shamir Backup เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่ฟีเจอร์ขั้นสูงอาจต้องใช้ซอฟต์แวร์จากภายนอก สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายและความคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์ของ Trezor ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Trezor เป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ราคาประหยัดที่สุดในปีนี้ โดย Trezor Model One ราคา €59 ซึ่งถูกกว่า Ledger Nano S Plus ที่ราคา €79 และคุ้มค่ากว่าคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง Ellipal และ NGRAVE ZERO
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- ตัวเลือกการกู้คืนที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น: Shamir Backup ของ Trezor ช่วยให้คุณแบ่ง recovery seed ออกเป็นหลายส่วน เพิ่มความปลอดภัยและการกู้คืนให้ง่ายขึ้น
- การป้อนข้อมูลทั้งหมดบนอุปกรณ์: Trezor Model T มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสสำหรับการป้อน PIN และรหัสผ่านอย่างปลอดภัยโดยตรงบนอุปกรณ์
- ความปลอดภัยแบบ Multisignature Security: Trezor เชื่อมต่อกับ Electrum ต้องใช้คีย์หลายอันในการอนุมัติการทำธุรกรรม เพิ่มความปลอดภัยอีกหนึ่งขั้น
4. Ledger – กระเป๋าที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานที่สุด
สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ: 5,500+ สกุล
- เครือข่ายที่รองรับ: เครือข่ายหลักทั้งหมด
- ราคา: เริ่มต้นที่ $79
ข้อดี
- แอป Ledger Live ที่ใช้งานง่ายสำหรับการจัดการคริปโต
- รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 5,500 สกุล
- การศึกษาด้านคริปโตผ่าน Ledger Academy
- ความปลอดภัยแบบ Multisignature ผ่านการเชื่อมต่อกับ Coinkite
ข้อเสีย
- Ledger Nano S Plus ไม่มีการเชื่อมต่อ Bluetooth
- มีค่าบริการรายเดือนสำหรับบริการ Ledger Recover (เป็นบริการเสริม)
- โมเดล Nano ไม่มีหน้าจอสัมผัส
Ledger มีสองรุ่นคือ Nano S Plus ราคา €79 และ Nano X ราคา €149 ซึ่งทั้งสองรุ่นรองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 5,500 รายการ โดย Nano X มีการเชื่อมต่อ Bluetooth ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการสินทรัพย์ได้จากอุปกรณ์มือถือ รุ่นเหล่านี้รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน DeFi การ stake และการจัดการ NFT อย่างครบครัน
การเลือกใช้ Ledger คือการเลือกโซลูชันที่ปลอดภัยและสามารถใช้งานได้หลากหลาย ถึงแม้ว่าซอฟต์แวร์จะไม่เป็นแบบโอเพ่นซอร์สทั้งหมด แต่ก็มีการทดแทนด้วยระบบมัลติซิกเนเจอร์และการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) Ledger ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง dApps และสามารถสลับระหว่างการเก็บข้อมูลใน hot และ cold wallet ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับความต้องการคริปโตที่หลากหลาย
ทำไมเราถึงเลือกผู้ให้บริการรายนี้?: Ledger เป็นกระเป๋าฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานง่ายที่สุด เนื่องจากแอป Ledger Live การผสานรวมกับบริการของภายนอกแหล่งข้อมูลการศึกษา และการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม ทำให้การจัดการคริปโตของคุณเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ก็ตาม
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น
- Ledger Academy: ห้องสมุดที่มีเนื้อหาครบครัน ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเกี่ยวกับบล็อกเชนและการจัดเก็บคริปโตอย่างปลอดภัย ทำให้การเริ่มต้นสำหรับผู้เริ่มต้นเป็นเรื่องง่ายขึ้น
- การตรวจสอบความสมบูรณ์ของเฟิร์มแวร์: อุปกรณ์ของ Ledger จะทำการตรวจสอบตัวเองในระหว่างการเริ่มต้นเพื่อให้แน่ใจว่าเฟิร์มแวร์ไม่ได้ถูกแก้ไข ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยจากการปรับเปลี่ยนโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ชิป Secure Element: ทั้งสองรุ่นของ Ledger ใช้ชิป secure element ที่ได้รับการรับรอง (CC EAL5+) ซึ่งออกแบบมาเพื่อทนต่อการโจมตีและสามารถเก็บรักษาความลับการเข้ารหัสได้อย่างปลอดภัย
- ความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้: Ledger อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มรหัสผ่าน (passphrase) ลงใน recovery seed 24 คำพื้นฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยการเพิ่มคำที่ 25 ที่สามารถปรับแต่งเองได้
วิธีการจัดอันดับ Cold Wallet ของเรา
แม้ว่าวิธีการจัดอันดับ cold wallet ของเราจะมีบางจุดที่เหมือนกับการจัดอันดับ hot wallet แต่ก็ยังมีบางปัจจัยที่เป็นปัจจัยที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ cold wallet นี่คือเกณฑ์หลักที่เราใช้ในการเลือก cold wallet ที่ดีที่สุด:
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเมื่อพูดถึง cold wallet เพราะนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้กระเป๋าประเภทนี้ได้รับความนิยมมากกว่า hot wallet แม้ว่า cold wallet ส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีตัวเลือกบางรุ่นที่เสริมความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น เราได้วิเคราะห์เทคโนโลยีที่ใช้ในแต่ละรุ่นเพื่อหาตัวเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
การรองรับเหรียญต่าง ๆ
โดยทั่วไปแล้ว cold wallet จะรองรับคริปโตเคอเรนซีได้น้อยกว่า hot wallet เราจึงให้ความสำคัญในการตรวจสอบว่าแต่ละรุ่นรองรับเหรียญและเครือข่ายจำนวนเท่าไหร่ เราจะให้คะแนนสูงกับ wallet ที่รองรับเหรียญและเครือข่ายได้หลากหลายมากที่สุด
ประสบการณ์การใช้งาน
แม้ว่าประสบการณ์การใช้งานจะมีความสำคัญสำหรับ hot wallet มากกว่า เพราะถูกใช้งานบ่อยกว่า แต่ก็ไม่ควรมองข้ามปัจจัยนี้ใน cold wallet เนื่องจาก UX ที่ดีทำให้การจัดการสินทรัพย์สะดวกขึ้น ใช้เวลาน้อยลง และลดความเสี่ยงจากการเกิดข้อผิดพลาด
ราคา
ในขณะที่ hot wallet ส่วนใหญ่ใช้งานได้ฟรี แต่ cold wallet มักจะมีราคาที่แพงกว่าเพราะเป็นกระเป๋าในเชิงกายภาพ ดังนั้นเราจึงพิจารณาราคาของแต่ละรุ่นและเปรียบเทียบกับคู่แข่งเพื่อหาว่าราคาของแต่ละรุ่นนั้นคุ้มค่าหรือไม่
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
เรายังพิจารณาฟีเจอร์เสริมที่ cold wallet แต่ละรุ่นมี เช่น การเทรดภายในตัว wallet และมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
กระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร?
กระเป๋าเงินคริปโตคือซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการ โอน และเก็บสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย บางกระเป๋ายังรองรับ NFT และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ กระเป๋าเงินสามารถแบ่งออกเป็นแบบฮาร์ดแวร์ เช่น อุปกรณ์ USB หรือแบบซอฟต์แวร์ เช่น แอปบนมือถือหรือโปรแกรมบนเดสก์ท็อป
กระเป๋าเงินคริปโตยังแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่:
- กระเป๋าเงินแบบ Custodial: ผู้ให้บริการจะเป็นผู้ควบคุมคีย์ส่วนตัวของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องพึ่งพาผู้ให้บริการในการรักษาความปลอดภัย ข้อดีคือ หากคุณทำข้อมูลเข้าสู่ระบบหาย จะสามารถกู้คืนได้ง่าย ตัวอย่างของกระเป๋าประเภทนี้ ได้แก่ Binance Wallet และ OKX Wallet
• กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial: คุณจะเป็นผู้ควบคุมคีย์ส่วนตัวและสินทรัพย์ของคุณเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณทำกุญแจส่วนตัวสูญหาย คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเงินของคุณได้อีก ตัวอย่างของกระเป๋าประเภทนี้ ได้แก่ Zengo และ NGRAVE
กล่าวอีกนัยหนึ่ง กระเป๋าเงินแบบ Custodial มอบความสะดวกสบายแต่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการ ขณะที่กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial ให้คุณมีอำนาจควบคุมและรับผิดชอบสินทรัพย์ของคุณเองมากขึ้น
กระเป๋าเงินคริปโตทำงานอย่างไร?
เรารู้แล้วว่ากระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร ทีนี้เรามาดูกันว่ากระเป๋าเงินคริปโตงานอย่างไร
กระเป๋าเงินคริปโตหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ทำหน้าที่เหมือนบัญชีธนาคารดิจิทัลที่ช่วยจัดการและปกป้องสินทรัพย์คริปโตของคุณ โดยเก็บรักษาคีย์ส่วนตัวและคีย์สาธารณะซึ่งใช้สำหรับทำธุรกรรม
- คีย์สาธารณะ (Public Key): เป็นเหมือน “หมายเลขบัญชี” ของกระเป๋าเงิน ใช้สำหรับรับเงินจากกระเป๋าเงินอื่น สามารถแชร์กับผู้อื่นเพื่อรับเงินได้
• คีย์ส่วนตัว (Private Key): เป็นรหัสตัวเลขและตัวอักษรเฉพาะของแต่ละกระเป๋าเงินที่ยืนยันความเป็นเจ้าของสินทรัพย์คริปโตในกระเป๋า เปรียบเสมือนรหัสผ่านที่ไม่ควรบอกให้ผู้อื่นทราบเด็ดขาด
กระเป๋าเงินคริปโตไม่ได้เก็บสินทรัพย์คริปโตไว้โดยตรง แต่เก็บและจัดการคีย์ส่วนตัว (Private Key) ซึ่งทำหน้าที่ให้สิทธิ์เข้าถึงและยืนยันความเป็นเจ้าของสินทรัพย์คริปโตที่ถูกเก็บไว้บนบล็อกเชน
กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีจะใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปกป้องคีย์ส่วนตัวของผู้ใช้ โดยแต่ละกระเป๋าอาจมีวิธีการป้องกันที่แตกต่างกัน เช่น การเข้ารหัส (Encryption), Seed Phrases, การยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวมิติ (Biometric Verification) และโมดูลรักษาความปลอดภัยฮาร์ดแวร์ (Hardware Security Modules – HSMs) นอกจากนี้ กระเป๋าเงินดิจิทัลมักมีตัวเลือกการสำรองข้อมูลและการกู้คืน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะไม่สูญเสียการเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตของตน
วิธีเก็บ Seed Phrases อย่างปลอดภัย
เมื่อคุณเลือกใช้กระเป๋าเงินแบบ Non-Custodial ชั้นนำ คุณจะได้รับ Seed Phrase ซึ่งทำหน้าที่เป็นคีย์หลักที่ช่วยให้คุณเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตของคุณได้ การเก็บรักษา Seed Phrase อย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ผู้ใช้คริปโตบางรายเลือกใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่าง Cryptotag ซึ่งออกแบบมาเพื่อบันทึก Seed Phrase ของคุณบนแผ่นไทเทเนียมเกรดการบิน (Aerospace-grade Titanium) โดยขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ Cryptotag ที่คุณเลือก คุณสามารถเก็บ Seed Phrase ได้ 24 ถึง 42 คำ อุปกรณ์นี้มีคุณสมบัติกันกระสุน รวมถึงทนต่อน้ำและความร้อน ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของคุณจะปลอดภัยในทุกสถานการณ์
ประเภทของกระเป๋าเงินคริปโต: กระเป๋าเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง และควรเลือกแบบใด?
การตัดสินใจซื้อคริปโตถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่การเลือกที่จัดเก็บหลังจากซื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง คงต้องตอบว่าจริง ๆ แล้วกระเป๋าเงินมีหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความชอบหรือการใช้งานของแต่ละคน ไม่สามารถตอบได้ว่าอะไรดีกว่าอะไร ทั้งนี้เราจะอธิบายเกี่ยวกับกระเป๋าเงินแบบซอฟต์แวร์ (Software Wallets), กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallets) และกระเป๋าเงินกระดาษ (Paper Wallets) พร้อมคำแนะนำว่าแบบไหนเหมาะกับใคร
กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์ (Hot Wallets)
กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์เหมาะสำหรับผู้ที่ทำการซื้อขายบ่อยครั้งหรือผู้ที่ต้องการเข้าถึงคริปโตได้ง่ายและรวดเร็ว กระเป๋าเงิน Hot Wallets ที่ดีจะมอบความสะดวกสบายและการเข้าถึงที่ง่ายดายผ่านอุปกรณ์มือถือหรือเดสก์ท็อป ทำให้เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน ต่างจากกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์หรือกระเป๋าเงินกระดาษที่เหมาะกับการจัดเก็บระยะยาว
กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:
- กระเป๋าเงินมือถือ (Mobile Wallets):
แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงคริปโตได้ทุกที่ทุกเวลา กระเป๋าเงินมือถือส่วนใหญ่มีให้ใช้งานฟรีจากผู้ให้บริการกระเป๋าเงินชั้นนำ เช่น Best Wallet - กระเป๋าเงินเดสก์ท็อป (Desktop Wallets):
ซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดและติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ กระเป๋าเงินเดสก์ท็อปมีความปลอดภัยมากกว่ากระเป๋าเงินมือถือเล็กน้อย เนื่องจากเก็บคีย์ส่วนตัวไว้ในเครื่อง เช่น MetaMask
กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์หรือ Hot Wallet มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่เสมอ ทำให้เข้าใช้งานได้สะดวกรวดเร็วกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่ากระเป๋าเงินแบบ Cold Wallet ที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ (Cold Wallets)
กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Cold Wallet เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย เช่น นักลงทุนระยะยาว โดยกระเป๋าประเภทนี้เก็บคีย์ส่วนตัวแบบออฟไลน์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กได้อย่างมาก เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีคริปโตในจำนวนมาก เนื่องจากมีการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งกว่า Hot Wallet และยังทนทานและใช้งานง่ายกว่ากระเป๋าเงินกระดาษ
อุปกรณ์กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์มักมีลักษณะคล้ายกับแฟลชไดรฟ์ (USB) และต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น เช่น แล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟน เพื่อทำธุรกรรม
สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่จัดการคริปโตในมูลค่าสูง และกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ถือเป็นสิ่งจำเป็น Cold Wallet ที่ราคาแพงและคุณภาพดีนั้นก็คุ้มค่ากับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น และช่วยปกป้องทรัพย์สินจำนวนมากจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
กระเป๋าเงินกระดาษ (Paper Wallet)
กระเป๋าเงินกระดาษเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการวิธีการเก็บคริปโตแบบออฟไลน์และฟรี โดยเป็นประเภทของการเก็บข้อมูล “cold storage” ที่ผู้ใช้จะเขียนคีย์สาธารณะและคีย์ส่วนตัวลงบนกระดาษ
ผู้ใช้จะเก็บกระดาษนี้ในที่ที่ปลอดภัยไม่ให้คนอื่นเข้าถึง เช่น ตู้เซฟ กล่องฝากของธนาคาร หรือล็อกเกอร์ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว เนื่องจากกระเป๋าเงินกระดาษช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการแฮ็กออนไลน์ แต่จำเป็นต้องจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการสูญหายหรือความเสียหายจากทางกายภาพ
ข้อเสียของวิธีนี้คือ ผู้ที่ใช้กระเป๋าเงินกระดาษยังต้องใช้แอปกระเป๋าเงินคริปโตเพื่อใช้จ่ายหรือโอนสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนั้นกระเป๋าเงินแบบกระดาษจึงค่อนข้างไม่สะดวกและถือว่าไม่ปลอดภัยเท่ากับทางเลือกอื่น ๆ จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมในวงกว้าง
กระเป๋าเงินคริปโต ปลอดภัยไหม? เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย?
การเลือกกระเป๋าเงิน Web3 อาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากมีตัวเลือกมากมายในตลาด แต่เรามีเทคนิค 3 ข้อที่สามารถช่วยให้เทรดเดอร์เลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
เลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ
เทคนิคที่สำคัญที่สุดคือการเลือกกระเป๋าเงินจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ ก่อนดาวน์โหลดกระเป๋าเงิน ควรอ่านรีวิวออนไลน์และตรวจสอบประวัติของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการหลายรายได้รับความไว้วางใจจากบุคคลหรือธุรกิจที่มีชื่อเสียง ซึ่งจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ให้บริการนั้น ๆ
ผู้ให้บริการชั้นนำที่เรารวมไว้ในคู่มือนี้มีประวัติการทำงานที่ยาวนานและมีคะแนนความปลอดภัยสูง แต่แม้แต่กระเป๋าเงินที่น่าเชื่อถือก็ยังอาจถูกโจมตีได้ เช่น Atomic Wallet ที่เคยเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำ ก่อนที่กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ Lazarus จะขโมยเงินจากลูกค้ามูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์
พิจารณาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน
เมื่อเลือกกระเป๋าเงิน Bitcoin ควรศึกษาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างละเอียด ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเงินคริปโตของคุณได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด ฟีเจอร์ที่ต้องพิจารณาได้แก่ การเข้ารหัสข้อมูล และการเลือกใช้กระเป๋าเงินแบบ Hot หรือ Cold
ทดสอบกระเป๋าก่อนทำการโอนจำนวนมาก ๆ
ขั้นตอนสุดท้ายควรทดสอบการใช้งานของกระเป๋าด้วยคริปโตจำนวนน้อย ๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญหายที่อาจเกิดขึ้น และให้ผู้ใช้ได้ทดสอบฟังก์ชันการทำงานและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน เมื่อกระเป๋าเงินทำงานได้ตามที่คาดหวัง ผู้ใช้ก็สามารถโอนจำนวนเงินคริปโตที่มากขึ้นได้อย่างมั่นใจ
วิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโต: วิธีการดาวน์โหลดและใช้งานกระเป๋าเงินคริปโต
ก่อนที่จะจบคู่มือนี้ มาดูวิธีการดาวน์โหลดและใช้งานกระเป๋าเงินเหล่านี้กันดีกว่า ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า กระเป๋าเงินคริปโตที่เราแนะนำคือ Best Wallet ซึ่งมาพร้อมกับแอปฟรีที่ใช้งานง่ายและสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ iOS และ Android
ดังนั้นเราจะมาสอนวิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโตแบบง่าย ๆ กัน โดยยกตัวอย่างแอป Best Wallet:
ขั้นตอนที่ 1 – ดาวน์โหลดแอป Best Wallet
Best Wallet มีให้ดาวน์โหลดแอปมือถือทั้งในระบบ Android และ iOS ดังนั้นขั้นตอนแรกคือการเข้าไปที่ Play Store หรือ App Store แล้วดาวน์โหลดแอปได้เลย แอปนี้ฟรีและใช้เวลาติดตั้งไม่นาน
ขั้นตอนที่ 2 – สร้างบัญชี
จากนั้นแอปจะขอให้คุณสร้างบัญชี โดยให้กรอกชื่อบัญชีและรหัสผ่านของคุณ
ขั้นตอนที่ 3 – ฟีเจอร์ยืนยันความปลอดภัย
เมื่อกรอกอีเมลแล้ว แอปจะขอให้คุณเก็บคำ mnemonic ไว้ โปรดอ่านคำแนะนำให้ละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะเก็บรักษาบัญชีของคุณให้ปลอดภัย คำ mnemonic ประกอบด้วย 12 คำและใช้ในการกู้คืนบัญชีของคุณ
ขั้นตอนที่ 4 – ใช้งานแอปและกระเป๋า Best Wallet
สร้างบัญชีเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้สามารถใช้แอป Best Wallet เพื่อจัดการสินทรัพย์คริปโตของตัวเองได้
บทสรุป: กระเป๋าคริปโตที่ดีที่สุดแห่งปี 2025
การเลือกกระเป๋าคริปโตที่เหมาะสมคือการหาความสมดุลระหว่างความปลอดภัย ความสะดวก และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ อันดับแรกคือการเลือกว่าจะใช้กระเป๋าแบบ hot wallet หรือแบบ cold wallet Hot wallet ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะเหมาะกับการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและการทำธุรกรรมบ่อย ๆ แต่จะมีความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่ Cold wallet เก็บสินทรัพย์ไว้แบบออฟไลน์ ทำให้มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเก็บคริปโตในระยะยาวหรือสำหรับคนที่มีสินทรัพย์มาก
ความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรมองหากระเป๋าที่มีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) และการจัดการคีย์ส่วนตัว บางกระเป๋ายังมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การใช้ลายนิ้วมือในการล็อกอิน หรือการอนุมัติด้วย Multisignature สิ่งสำคัญคือควรเลือกกระเป๋าที่ให้คุณควบคุมคีย์ส่วนตัวได้เอง เพราะหากคุณไม่มีสิทธิ์ในการดูแลคีย์ ก็ถือว่าทรัพย์สินไม่ได้เป็นของตัวคุณเองอย่างแท้จริง
กระเป๋าคริปโตไม่ได้รองรับสกุลเงินดิจิทัลทุกสกุล ดังนั้นคุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเป๋าที่คุณเลือกสามารถใช้งานกับเหรียญหรือโทเคนที่คุณต้องการเก็บได้ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบว่ากระเป๋านั้นสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ของคุณ เช่น แอปมือถือ โปรแกรมเดสก์ท็อป หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และสามารถเชื่อมต่อกับการแลกเปลี่ยนหรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่คุณใช้อยู่ได้อย่างราบรื่น เราพบว่า Best Wallet เป็นกระเป๋าคริปโตที่ดีที่สุดในปี 2025 เนื่องจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัย ความสามารถในการรองรับหลายบล็อกเชน อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำ รองรับสกุลเงินดิจิทัลหลายชนิดและมีฟีเจอร์ที่ครบถ้วน เช่น การ stake การแลกเปลี่ยนโทเคน และการจัดการ NFT ทำให้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายและเหมาะสมกับผู้ใช้คริปโตทุกประเภท