ราคา Bitcoin (BTC) ทะยานเหนือระดับ $92,000 อย่างแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศยุติมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ (QT) ประกอบกับการที่ Vanguard เปิดให้นักลงทุนเข้าถึง Spot Bitcoin ETF ได้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาเต็มเปี่ยม บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคา และคาดการณ์ทิศทางต่อไปของ Bitcoin ที่หลายคนกำลังจับตา
Fed ยุติ QT อัดฉีดสภาพคล่อง ดันราคา Bitcoin
ปัจจัยสำคัญแรกที่ส่งผลบวกโดยตรงต่อราคา Bitcoin คือการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตัดสินใจยุติมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening – QT) พร้อมทั้งอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินเป็นมูลค่ากว่า 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ การเคลื่อนไหวนี้ช่วยลดแรงกดดันต่อปริมาณเงินในระบบ ทำให้นักลงทุนและเทรดเดอร์ตอบสนองในเชิงบวกแทบจะในทันที
หลังจากประกาศดังกล่าว ราคา Bitcoin ก็เริ่มไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแรงซื้อยังคงหนุนเข้ามาตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนมองว่านี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าสภาวะทางการเงินอาจผ่อนคลายมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ เมื่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการ กระแสเงินทุนยังไหลเข้าสู่ Spot Bitcoin ETF อย่างคึกคัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงส่งสำคัญที่ช่วยให้ราคา Bitcoin ยืนเหนือระดับ $92,000 ได้อย่างมั่นคง
ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกเช่นนี้ ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหา เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในปี 2025 เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในระยะยาว
Vanguard เปิดประตูสู่ Bitcoin ETF ปลดล็อกดีมานด์มหาศาล
อีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดคือการที่ Vanguard บริษัทจัดการการลงทุนยักษ์ใหญ่ ประกาศอนุญาตให้ลูกค้าสามารถซื้อขาย Crypto ETF ได้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่งรวมถึง ETF ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์อย่าง Bitcoin, Ethereum, XRP และ Solana การตัดสินใจครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูบานใหม่ให้นักลงทุนสายดั้งเดิมสามารถเข้าถึงตลาดคริปโตได้ง่ายขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
Eric Balchunas นักวิเคราะห์ ETF ชื่อดังชี้ว่า ราคา Bitcoin ที่กระโดดขึ้นราว 6% ในช่วงเปิดตลาดสหรัฐฯ นั้นสอดคล้องกับวันแรกที่ลูกค้าของ Vanguard เริ่มเข้าเทรดได้พอดี โดยกองทุน IBIT ของ BlackRock มีปริมาณการซื้อขายทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ภายใน 30 นาทีแรก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ที่ถูกอั้นไว้จากกลุ่มนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งได้รับโอกาสในการลงทุนใน Bitcoin ผ่านช่องทางที่คุ้นเคย
THE VANGUARD EFFECT: Bitcoin jumps 6% right around US open on first day after bitcoin ETF ban lifted. Coincidence? I think not. Also $1b in IBIT volume in first 30min of trading. I knew those Vanguardians had a little degen in them, even some of the most conservative investors… pic.twitter.com/OKyihvEqqD
— Eric Balchunas (@EricBalchunas) December 2, 2025
ขณะเดียวกัน กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องนี้เองที่ทำให้ Bitcoin ฟื้นตัวทะยานผ่าน $91k และยังส่งผลให้ตลาดเริ่มจับตาความเป็นไปได้ของ XRP ETF มากขึ้น
จับตาทิศทางดอกเบี้ย หนุน Bitcoin ทำนิวไฮ?
นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ความคาดหวังของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ก็เป็นอีกแรงหนุนสำคัญ ข้อมูลจาก Kalshi แสดงให้เห็นว่าตลาดให้น้ำหนักถึง 90% ที่จะมีการลดดอกเบี้ยครั้งที่สามในปีหน้า มุมมองดังกล่าวทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง (Risk Assets) อย่าง Bitcoin มากขึ้น เพราะคาดว่านโยบายการเงินจะผ่อนคลายลงอีก
สถานการณ์นี้ได้สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อนักเทรดฝั่งขาย (Short Sellers) หรือที่เรียกกันว่า ‘สายหมี’ โดยข้อมูลจาก Coinglass เผยว่ามีสถานะ Short ถูกบังคับปิด (Liquidated) คิดเป็นมูลค่ากว่า 135 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งผ่าน $92,000 ซึ่งการล้างพอร์ตนี้ยิ่งเป็นแรงส่งให้ราคาทะยานขึ้นไปอีก ด้าน Tom Lee นักวิเคราะห์ชื่อดังคาดการณ์ว่าด้วยโมเมนตัมปัจจุบัน อาจผลักดันให้ Bitcoin สร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New Record) ได้ในช่วงต้นปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แนวโน้มระยะยาวจะดูเป็นบวก แต่ในทางเทคนิคก็มีสัญญาณที่น่ากังวลเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Bitcoin เพิ่งหลุดเส้นแนวโน้มสำคัญ ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่าอาจเป็นสัญญาณของการปรับฐานในระยะสั้น
Bitcoin Hyper ตัวเร่งใหม่บนกระแสเงินไหลเข้าจาก ETF
เมื่อราคาของ Bitcoin เริ่มพุ่งแรงจากข่าว Fed หยุด QT และสภาพคล่องไหลเข้าสู่ ETF มากขึ้น โปรเจ็กต์ที่ผูกกับระบบนิเวศของ Bitcoin อย่าง Bitcoin Hyper จึงยิ่งได้รับความสนใจ เพราะหากดีมานด์ต่อ BTC เพิ่มขึ้น การใช้งาน L2 ที่เร่งความเร็วและรองรับ dApps แบบ Hyper ก็มีแนวโน้มเติบโตตาม

Bitcoin Hyper ผสานความปลอดภัยของ Bitcoin เข้ากับความเร็วระดับ SVM ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมแบบขนานได้ในระดับสูง รองรับการใช้งานจริงตั้งแต่ DeFi ไปจนถึงแอปผู้บริโภค อีกทั้งเตรียมเปิดตัวแอปสำคัญอย่าง HyperSwap และ HyperLend ที่จะผลักดัน TVL บนเครือข่ายอย่างมีนัยสำคัญ
ด้วยโทเคนโนมิกส์ที่จัดสรรเพื่อการเติบโตและแรงจูงใจด้าน Staking ทำให้ $HYPER ถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน เหรียญ Presale ที่น่าจับตา โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ Mainnet และการลิสต์บน CEX ชั้นนำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจเร่งให้ราคาเข้าสู่ช่วง Price Discovery ได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าคุณกำลังวางแผนพิจารณา Bitcoin Hyper สามารถอ่าน บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper หรือดูคู่มือวิธีซื้อ Bitcoin Hyper แบบละเอียด เพื่อเสริมความมั่นใจและกำหนดแผนได้แม่นยำขึ้น
ให้ เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper ช่วยยืนยันข้อมูลทางการ และใช้ X และ ช่อง Telegram เพื่อติดตามบรรยากาศตลาดแบบเรียลไทม์
สรุปประเด็นสำคัญ
- การที่ Fed ยุติมาตรการ QT และเพิ่มสภาพคล่อง 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นปัจจัยมหภาคสำคัญที่ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันและหนุนราคา Bitcoin ให้ปรับตัวสูงขึ้น
- Vanguard เปิดให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึง Spot Bitcoin ETF ได้แล้ว ส่งผลให้มีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าตลาดมหาศาล สะท้อนจากวอลุ่มเทรด IBIT ที่สูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์
- ตลาดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยในปีหน้าสูงถึง 90% กดดันนักเทรดฝั่ง Short จนเกิดการล้างพอร์ตกว่า 135 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจส่ง Bitcoin ไปสู่จุดสูงสุดใหม่






