
ราคา Bitcoin (BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 121,000–123,000 ดอลลาร์ หลังจากเพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่แถว 126,000 ดอลลาร์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่แรงซื้อจากกองทุน ETF ในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแรง โดยล่าสุดบันทึกกระแสเงินไหลเข้าติดต่อกันเป็นวันที่ 8 รวมเพียงวันเดียวกว่า 441 ล้านดอลลาร์ กระแสนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินที่มีต่อ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หลัก และกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนมองว่า BTC ยังติดอันดับ เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025
การไหลเข้าของเงินทุนจาก ETF ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวมขยับขึ้นใกล้ 160,000 ล้านดอลลาร์ และที่สำคัญ ปริมาณที่กองทุนดูดซับไปยังมีมากกว่าจำนวนเหรียญใหม่ที่นักขุดผลิตได้ต่อวัน ส่งผลให้สภาพคล่องหมุนเวียนในตลาดลดลงและช่วยประคองราคาไม่ให้ปรับฐานรุนแรง
มุมมองทางเทคนิค: แนวรับ–แนวต้านสำคัญ
จากมุมมองทางเทคนิค Bitcoin ยังคงเคลื่อนไหวแบบ Sideway โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 125,000–126,000 ดอลลาร์ หากราคาสามารถทะลุและปิดแท่งวันเหนือระดับนี้ได้ชัดเจน คาดว่าจะเปิดทางไปสู่โซน 128,000–130,000 ดอลลาร์
ขณะที่แนวรับหลักอยู่ที่ 117,000 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือจำนวนมาก หากแนวรับดังกล่าวถูกกดดันลงมา มีโอกาสที่ราคาจะลงไปทดสอบ 114,000 ดอลลาร์ ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ซึ่งถือเป็นโซนที่นักลงทุนสายเทรนด์มักรอเข้าซื้อซ้ำ

ปัจจัยหนุนยังรวมถึงแรงซื้อจากตลาดสปอตที่เหนือกว่าอนุพันธ์ กระแสเงินไหลเข้าของ ETF ที่ต่อเนื่อง และการจับตาวอลุ่มซื้อเมื่อราคาทะลุกรอบ 126,000 ดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยสนับสนุนมุมมองเชิงบวกของนักวิเคราะห์บางรายที่ถึงขั้นคาดการณ์ว่า ChatGPT ชี้อาจแตะ $200K หากโมเมนตัมจากสถาบันยังเดินหน้าต่อเนื่อง
การขาดแคลนซัพพลายปะทะกับสภาพคล่องจากสถาบัน
หลังการ Halving ที่ทำให้อัตราการผลิต BTC ลดเหลือเพียง 450 เหรียญต่อวัน สถานการณ์ “อุปทานตึงตัว” กลับชัดเจนขึ้น เมื่อความต้องการจากกองทุน ETF ยังคงหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้น ความกังวลต่อเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์ที่ผันผวน และหนี้สาธารณะที่พุ่งสูง กลายเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนสถาบันเข้ามาถือสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดอย่าง Bitcoin มากขึ้น
ปรากฏการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า Bitcoin ไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์เก็งกำไร แต่ได้ก้าวขึ้นมาเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็กลายเป็นพลังสำคัญที่ Bitcoin ดันกระแสกองทุนคริปโตสู่สถิติใหม่ ทั้งในแง่มูลค่าสินทรัพย์และจำนวนผู้เข้าลงทุน
หากราคายืนเหนือแนวรับ 117,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง และสามารถทะลุกรอบแนวต้าน 125,000–126,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ตลาดมีโอกาสเห็น BTC พุ่งแตะระดับ 130,000 ดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปีนี้ ท่ามกลางความคาดหวังว่ากระแสสถาบันยังคงเป็นแรงหนุนหลักของรอบขาขึ้นครั้งใหม่
Bitcoin Hyper โดดเด่นท่ามกลางการคาดการณ์ราคา Bitcoin ใกล้ 130K
เมื่อ Bitcoin เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 121K–123K ดอลลาร์ และนักวิเคราะห์จับตาโอกาสทะลุแนวต้านสู่ 130K นั้น กระแสความต้องการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ยิ่งชัดเจนมากขึ้น โดย Bitcoin Hyper ในฐานะ Layer-2 ความเร็วสูงที่ใช้สถาปัตยกรรม SVM และ Canonical Bridge กำลังกลายเป็น เหรียญ Presale ที่น่าจับตา เพราะสามารถปลดล็อกศักยภาพของ Bitcoin ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมเรื่องความเร็วและการใช้งาน DeFi ได้จริง
แรงซื้อที่ไหลเข้ากองทุน Bitcoin ETF ต่อเนื่องสะท้อนความเชื่อมั่นของสถาบัน และแนวโน้มนี้อาจหนุนการยอมรับ Layer-2 ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากเครือข่าย Bitcoin โดยตรง ขณะที่กระแสวาฬสะสม HYPER กว่า 22.9 ล้านดอลลาร์ใน Presale ตอกย้ำความสนใจจากนักลงทุนรายใหญ่ ทำให้ Bitcoin Hyper ไม่เพียงแต่เป็น Layer-2 ทางเลือก แต่ยังยืนอยู่ในกระแสเดียวกับ เหรียญมีมมาแรง ที่ได้รับแรงหนุนจากตลาดกระทิงรอบใหม่ของคริปโต
หากคุณต้องการมุมมองเพิ่ม Bitcoin Hyper แนะนำให้ใช้ บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper หรือศึกษาวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนก่อนตัดสินใจ
อย่าลืมติดตาม เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper รวมถึง X และ ช่อง Telegram เพื่อไม่พลาดทุกอัปเดต
