Larry Fink CEO ของ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมาเปิดเผยแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของ Bitcoin ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ที่ World Economic Forum ในเมืองดาวอส โดยคาดการณ์ว่า ราคา BTC อาจจะพุ่งสูงถึง 700,000 ดอลลาร์ได้ หากสถาบันการเงินขนาดใหญ่เริ่มจัดสรรพอร์ตการลงทุนของพวกเขาให้กับ Bitcoin ในสัดส่วน 2-5%
การคาดการณ์นี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นใน Bitcoin จากวงการการเงินแบบดั้งเดิม แต่ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ Bitcoin ในการเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองอีกด้วย
Bitcoin คือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่มั่นคง
Larry Fink อธิบายว่า Bitcoin สามารถทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือระดับสากล” ที่ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของมูลค่าของสกุลเงินท้องถิ่นและความไม่มั่นคงทางการเมืองได้ เขากล่าวว่า “หากคุณกังวลเกี่ยวกับการลดค่าของสกุลเงินหรือความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ คุณสามารถใช้ Bitcoin เป็นเครื่องมือที่ช่วยเอาชนะความกลัวเหล่านั้นได้”
Fink ยังเปิดเผยว่าเขาได้พูดคุยกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) เกี่ยวกับการจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้กับ Bitcoin โดยกองทุนดังกล่าวกำลังพิจารณาว่าจะจัดสรร 2% หรือ 5% ของพอร์ตให้กับ Bitcoin และหากสถาบันการเงินทั่วโลกเริ่มทำเช่นนี้ ราคา Bitcoin ก็อาจจะพุ่งไปที่ 500,000 ถึง 700,000 ดอลลาร์ได้ ตามการคาดการณ์ของ Fink
การเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อ Bitcoin ของ BlackRock CEO
ย้อนกลับไปในปี 2018 Larry Fink เคยแสดงความเห็นว่าลูกค้าของ BlackRock ไม่มีความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลเลย และมองว่า Bitcoin เป็นเพียงเครื่องมือในการเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 เขาได้เปลี่ยนมุมมองอย่างสิ้นเชิง โดยมองว่า Bitcoin เป็นเสมือน “ทองคำดิจิทัล” ที่สามารถใช้เป็นแหล่งเก็บมูลค่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน พร้อมกับประกาศว่าตนเป็น “ผู้ศรัทธาที่ยิ่งใหญ่” ในการใช้ Bitcoin เป็นเครื่องมือทางการเงิน
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ BlackRock เกิดขึ้นเมื่อบริษัทได้เปิดตัว iShares Bitcoin Trust และ iShares Ethereum Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง นอกจากนี้ พวกเขายังได้ร่วมมือกับ Coinbase เพื่อให้ลูกค้าสถาบันสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม Aladdin ของบริษัทอีกด้วย
ความสำเร็จของกองทุน Bitcoin ETF อย่าง iShares Bitcoin Trust (IBIT) เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนสถาบัน โดยในเดือนตุลาคม 2024 กองทุนนี้มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสูงกว่า iShares Gold Trust (IAU) ซึ่งเป็นกองทุนทองคำของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกที่มีศักยภาพสูง
ปัจจัยที่อาจจะผลักดันราคา Bitcoin ได้
การเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐอเมริกาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับตลาด Bitcoin โดยเฉพาะ BlackRock’s iShares Bitcoin Trust (IBIT) ที่สามารถซื้อ Bitcoin เข้าสู่กองทุนของพวกเขาเป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 21 มกราคม 2025 ซึ่งถือเป็นการซื้อรายวันที่มากที่สุดของปีนี้
BLACKROCK IS BACK.
THEY JUST BOUGHT $600 MILLION OF BITCOIN, THEIR LARGEST BUY SO FAR THIS YEAR. pic.twitter.com/QLAm5eaik4
— Arkham (@arkham) January 22, 2025
ข้อมูลจาก SoSoValue ยังแสดงให้เห็นว่า IBIT มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก
นอกจากนี้ สถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของสกุลเงิน กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการด้อยค่าของเงิน
Bitcoin ด้วยคุณสมบัติที่มีปริมาณจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ และการทำงานแบบกระจายศูนย์ จึงได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่มักเกิดขึ้นกับสกุลเงินดั้งเดิม ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ Fink ที่มองว่า Bitcoin เป็น “สกุลเงินแห่งความกลัว” ที่สามารถปกป้องความมั่งคั่งท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ผลกระทบต่อตลาด Crypto และนักลงทุนไทย
การคาดการณ์ของ Larry Fink ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อตลาด Crypto ทั่วโลก แต่ยังอาจจะมีผลต่อนักลงทุนไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยเริ่มมีการยอมรับและใช้ Bitcoin มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนที่กำลังมองหาหรือต้องการซื้อ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การที่สถาบันการเงินขนาดใหญ่เช่น BlackRock เริ่มลงทุนใน Bitcoin อาจจะทำให้ตลาด Crypto ในประเทศไทยมีสภาพคล่องมากขึ้น และส่งผลให้ราคา Bitcoin ในตลาดท้องถิ่นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย