
Tim Beiko ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมนักพัฒนาของ Ethereum Foundation ได้ออกมาปฏิเสธแนวคิดเรื่องการทำ rollback บนบล็อกเชนอีเธอเรียม เพื่อรับมือกับการแฮ็กแพลตฟอร์ม Bybit ผ่านทวีตอย่างละเอียดบน X (เดิม Twitter) โดย Beiko ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมข้อเสนอนี้ถึงไม่สามารถปฏิบัติได้และไม่สมเหตุสมผล
Ethereum Network ซับซ้อนเกินไปสำหรับการ Rollback
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต Bybit ซึ่งมีฐานอยู่ในดูไบ เผชิญกับการแฮ็กครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการคริปโต โดยแฮ็กเกอร์ได้ขโมยอีเธอเรียมที่ถูก stake ผ่าน mantle รวมไปถึงเหรียญ ERC20 อื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดจากการละเมิดระบบ cold wallet ของแพลตฟอร์ม
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมคริปโต และส่งผลให้ราคาเหรียญร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การถกเถียงถึงวิธีการกู้คืนสินทรัพย์ หนึ่งในวิธีที่ถูกพูดถึงคือการ rollback blockchain ซึ่งหมายถึงการย้อนสถานะของ blockchain กลับไปยังจุดก่อนหน้าที่การทำธุรกรรมล่าสุดจะถูกบันทึก
Tim Beiko ชี้ให้เห็นว่าความคิดเรื่อง rollback มีต้นกำเนิดจากเหตุการณ์ในเครือข่าย Bitcoin เมื่อปี 2010 ซึ่ง Satoshi Nakamoto ได้ปล่อยซอฟต์แวร์แพทช์เพื่อลบล้างการทำธุรกรรมที่มีผู้สร้าง 146 พันล้าน BTC โดยไม่ตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานั้น Bitcoin ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีการขุดเหรียญน้อย และราคาซื้อขายก็อยู่ที่ $0.07 เท่านั้น
นอกจากนี้ Beiko ยังอ้างถึงเหตุการณ์คล้ายกันที่เกิดขึ้นในเครือข่ายอีเธอเรียมเมื่อปี 2016 เมื่อ dApp ที่ชื่อ TheDAO ซึ่งถือครองอีเธอเรียมประมาณ 15% ของอุปทานทั้งหมด ถูกแฮ็ก
แต่โชคดีที่นักพัฒนาของ TheDAO ได้เตรียมระบบ failsafe ไว้ล่วงหน้า ทำให้สามารถระงับการถอนเงินทั้งหมดใน dApp ไว้ได้เป็นเวลา 1 เดือน
ช่วงเวลานั้นทำให้นักพัฒนาสามารถปรับเปลี่ยน blockchain ด้วยการอัปเดตฐานข้อมูลของ TheDAO ในลักษณะที่เรียกว่า “irregular state change”
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความขัดแย้งในชุมชนอีเธอเรียม และนำไปสู่การ hardfork ที่แยกเครือข่ายออกเป็น Ethereum Classic
สำหรับกรณีการแฮ็ก Bybit นั้น Beiko ระบุว่าการ rollback blockchain นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องมาจากหลายๆ ปัจจัย
ประการแรก เครือข่าย Ethereum ไม่ได้ตรวจพบการละเมิดกฎของโปรโตคอล เพราะการแฮ็กครั้งนี้เกิดจากการเจาะระบบ multisig wallet ที่ดูแลโดยแพลตฟอร์ม ซึ่งลงนามในการทำธุรกรรมที่แสดงข้อมูลผิดพลาด
นอกจากนี้ นักพัฒนายังชี้ว่าแฮ็กเกอร์ได้เริ่มโอนย้ายสินทรัพย์ที่ถูกขโมยไปแล้ว ซึ่งแตกต่างจากกรณี TheDAO ที่สามารถหยุดการถอนเงินได้
ดังนั้นการพยายามจะ rollback ในตอนนี้จึงอาจกลายเป็นเกมไล่จับที่ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเครือข่ายอีเธอเรียมในปัจจุบันมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างมาก ทั้งในส่วนของ bridges และโปรโตคอล DeFi
พูดง่ายๆ ก็คือ การทำ “irregular state change” อีกครั้ง อาจสร้างผลกระทบร้ายแรงที่กระจายไปทั่วระบบ แทนที่จะส่งผลดีนั่นเอง
Crypto Wallet สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย
แฮกเกอร์มีอยู่ทั่วไปและมาในทุกรูปแบบ อย่างในกรณีของ Bybit การแฮ็กเกิดจากการเจาะระบบ multisig wallet ดังนั้นเราได้เห็นแล้วว่าแม้แต่ระบบของแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ยังถูกแฮ็กได้ แล้วนับประสาอะไรกับ wallet ของนักเทรดหรือนักลงทุนรายย่อย?
การใช้กระเป๋าเงินคริปโตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะการเลือก crypto wallet ที่น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัยสูงจะช่วยลดโอกาสในการถูกแฮ็ก
ถ้าคุณมองหากระเป๋าเงิน crypto ที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และรองรับหลากหลายบล็อกเชน หนึ่งในกระเป๋าเงินหน้าใหม่ที่ไม่ควรมองข้ามได้แก่ Best Wallet
ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย คุณสมบัติความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และการรองรับกว่า 50 บล็อกเชน Best Wallet ทำให้การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องง่าย มั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ของคุณจะปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี Fireblocks MPC-CMP
ภาพรวมราคา ETH
ในขณะที่เขียนบทความนี้ ราคาเหรียญซื้อขายอยู่ที่ $2,690.68 โดยลดลง 4.25% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
