
ตลาดคริปโตในปี 2025 กำลังปั่นป่วนหนัก โดยเฉพาะ Ethereum หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับสองของโลก ล่าสุด CoinGlass รายงานว่าราคา ETH ร่วงลงเกือบ 50% ในไตรมาสแรกของปี นับเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
แม้ว่าสภาพตลาดทั่วไปจะมีส่วนกดดันราคา แต่ Bloomberg ชี้ว่าปัญหาของ Ethereum นั้นลึกกว่านั้น เกี่ยวข้องกับปัญหาโครงสร้างหลายอย่างที่ทำให้ระบบนิเวศกำลังสูญเสียความนิยม
ในขณะที่ Bitcoin ได้รับแรงหนุนจากนโยบายสนับสนุนคริปโตของประธานาธิบดี Donald Trump แต่ Ethereum กลับเจอความท้าทายที่ทำให้ราคาร่วงลงต่ำกว่า $1,900 และยังคงอยู่ต่ำกว่า $1,810 ในขณะที่เขียนรายงานนี้
วิเคราะห์สาเหตุการร่วงของราคา ETH: มุมมองจาก Bloomberg
Bloomberg เผยแพร่รายงานวิเคราะห์เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2025 โดยเปรียบเทียบ Ethereum กับ Bitcoin ซึ่งระบุว่า แม้ Ethereum จะเปิดตัวมาเกือบ 10 ปีแล้วตั้งแต่กรกฎาคม 2015 โดยหวังจะแซง Bitcoin แต่ดูเหมือนว่ากำลังล้มเหลวในการทำตามสัญญานี้เมื่อเข้าสู่ทศวรรษใหม่
ปัญหาสำคัญคือการที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์พากันออกจากระบบ Ethereum ข้อมูลจาก Electric Capital แสดงให้เห็นว่านักพัฒนาที่ทำงานกับ Ethereum ลดลงประมาณ 20% ในปี 2024 ตรงกันข้ามกับ Solana ที่มีนักพัฒนาใหม่เพิ่มขึ้นถึง 83% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ Bloomberg ยังกังวลเกี่ยวกับการบริหารงานของ Ethereum Foundation (EF) ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจ Ethereum เท่าที่ควร เช่น การที่ EF ย้ายการทำธุรกรรมไปยังเครือข่าย layer-2 เพื่อลดค่าธรรมเนียม
We have been discussing it a lot. At the moment we assume a model as follows:
* we start with full trust and parallel full mandate
* operating independently yet communicating async often and supporting each other
* supporting more regions
* taking advantage of our distinct… https://t.co/rTS48PQWcw— Tomasz K. Stańczak (@tkstanczak) March 1, 2025
อย่างไรก็ตาม Standard Chartered ชี้ว่าการอัปเกรดเหล่านี้กลับทำให้กิจกรรมและค่าธรรมเนียมไหลออกจากเครือข่าย Ethereum หลัก ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไม Ethereum ถึงตกต่ำ ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงในชุมชนนักลงทุนว่า EF ควรให้ความสำคัญกับราคาระยะสั้นหรือการพัฒนาเทคโนโลยีระยะยาวมากกว่ากัน
วิกฤติการณ์ของนักลงทุนรายใหญ่และผลกระทบต่อราคา ETH
ความผันผวนของ Ethereum ส่งผลกระทบรุนแรงต่อนักลงทุนรายใหญ่ (whales) บน MakerDAO ข้อมูลจาก Lookonchain แสดงว่ามี ETH กว่า 125,603 เหรียญ มูลค่าประมาณ $238 ล้านที่เสี่ยงจะถูกบังคับขาย (liquidation) หากราคายังลดลงต่อ สถานการณ์นี้น่ากังวลมากสำหรับตลาด ETH โดยรวม
As the $ETH price drops, the 125,603 $ETH($238M) held by these two whales on #Maker is at risk of liquidation again.
The health rate has dropped to $1.07, with liquidation prices at $1,805 and $1,787, respectively.https://t.co/0QEJXGq0Lghttps://t.co/sDWFBgfGLf pic.twitter.com/iEEDZTg945
— Lookonchain (@lookonchain) March 29, 2025
นักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งที่ถือ ETH ประมาณ 64,793 เหรียญ กำลังเข้าใกล้จุดที่จะถูกบังคับขายที่ราคา $1,787 ซึ่งห่างจากราคาปัจจุบันที่ $1,841 เพียง $54 เท่านั้น นักเทรดรายนี้เกือบถูกบังคับขายไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มีนาคม และได้ชำระหนี้บางส่วนหลังจากราคา ETH ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
แต่การลดลงของราคาในปัจจุบันทำให้พวกเขากลับมาเสี่ยงอีกครั้ง โดยมีอัตราสุขภาพ (health rate) อยู่ที่ 1.04 หากราคายังลดลงต่อเนื่อง อาจเกิดการบังคับขายอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ราคาร่วงลงอีก
นักลงทุนรายใหญ่อีกรายได้วาง ETH 60,810 เหรียญเป็นหลักประกันเพื่อกู้ยืม DAI 75.69 ล้าน โดยมีจุดบังคับขายที่ $1,805 ตำแหน่งนี้จะถูกบังคับขายอัตโนมัติหาก Ethereum ลงต่ำกว่านี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตลาด ETH ตอนนี้เปราะบางแค่ไหน
ปัจจัยเพิ่มเติมที่กดดัน Ethereum
ราคา Ethereum ลงต่ำกว่า $1,900 โดยลดลง 6% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาท่ามกลางตลาดที่ปั่นป่วน นอกจากปัญหาโครงสร้างของ Ethereum เอง ยังมีปัจจัยลบอีกหลายอย่างที่กดดัน Ethereum
1. ความกังวลทางเศรษฐกิจและนโยบายของ Trump
ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่ทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต การประกาศของ Trump เกี่ยวกับภาษีที่จะเริ่มใช้วันที่ 2 เมษายนยิ่งทำให้ตลาดไม่แน่นอนมากขึ้น
Bitcoin ลงต่ำกว่า $82,000 ในการซื้อขายช่วงเช้าวันเสาร์ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยมาที่ $82,800 การลดลงของ Bitcoin ยังลากให้ Altcoin รวมถึง Ethereum ลงด้วย
2. ความล้มเหลวของ ETF และความหวังในการทำ staking
ในตลาด ETF กองทุน spot Ethereum ในสหรัฐฯ แสดงผลงานที่อ่อนแอต่อเนื่อง ตามข้อมูลของ Farside Investors ระหว่างวันที่ 5-27 มีนาคม นักลงทุนถอนเงินกว่า $400 ล้านจากกองทุนเหล่านี้
แนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้เมื่อ ETF รวมกันดึงเงินเกือบ $5 ล้าน แม้ว่าการเติบโตที่ช้าจะทำให้นักลงทุนไม่ค่อยกระตือรือร้น แต่ก็มีความหวังว่าการเปิดใช้งานการทำ staking จะช่วยเพิ่มความต้องการ ETF ผู้จัดการกองทุน ETF หลายรายกำลังขออนุมัติจาก SEC เพื่อเพิ่มการทำ staking แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า SEC จะอนุมัติหรือไม่
3. การโจมตีของแฮกเกอร์
อีกปัจจัยที่กระทบ Ethereum คือการขายของแฮกเกอร์ที่ขโมย Ethereum มาจำนวนมาก ตามรายงานจาก Lookonchain แฮกเกอร์ได้ขาย Ethereum 14,064 เหรียญจาก THORChain และ Chainflip เมื่อเร็วๆ นี้
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงกระทบราคา ETH ทันที แต่ยังสร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยของระบบ Ethereum โดยรวม การโจมตีของแฮกเกอร์ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ราคาแย่ลงในระยะยาว
อนาคตของ Ethereum
โดยรวมแล้ว Ethereum ยังเจอแรงกดดันต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาโครงสร้างภายในระบบ Ethereum เอง การเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ และสภาวะตลาดโดยรวม
นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะราคา ETH ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เพราะอาจมีการบังคับขายจำนวนมากหากราคาลงต่ำกว่า $1,805 และ $1,787 ซึ่งจะยิ่งกดดันราคาให้ลงอีก
แม้จะมีความท้าทายตอนนี้ แต่ Ethereum ยังเป็นแพลตฟอร์ม Blockchain ชั้นนำที่มีระบบนิเวศใหญ่ การปรับปรุงของ Ethereum Foundation และการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบอาจช่วยฟื้นความเชื่อมั่นและราคาในอนาคต แต่ในระยะสั้น นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นต่อไป

ทางเลือกใหม่ในยุควิกฤติ Ethereum: Solaxy นำเสนอโซลูชัน Layer 2 บน Solana
ในช่วงที่ Ethereum กำลังดิ่งลงเช่นนี้ นักลงทุนไทยหลายคนกำลังมองหาทางเลือกใหม่ Solaxy (SOLX) กำลังเป็นที่สนใจในฐานะโครงการที่พัฒนา Layer 2 สำหรับ Solana ที่ช่วยแก้ปัญหาเครือข่ายแออัด ด้วยเทคโนโลยี Rollup ที่ประมวลผลธุรกรรมนอกเชนหลัก ทำให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดเด่นของ Solaxy คือการทำงานบนหลายเชน ทั้ง Ethereum และ Solana ทำให้นักลงทุนใช้ข้อดีของทั้งสองเครือข่ายได้พร้อมกัน ซึ่งสำคัญมากในช่วงที่ Ethereum มีปัญหา ผู้ใช้งานยังเข้าถึงความคล่องตัวของ Ethereum ขณะที่ได้ประโยชน์จากความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำของ Solana
โทเค็น SOLX กำลังเปิดขายในช่วงพรีเซล นักลงทุนซื้อได้ด้วย USDT, ETH, BNB หรือบัตรเครดิต และนำไป Staking เพื่อรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ เป็นทางเลือกดีสำหรับคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากวิกฤติราคา ETH โครงการนี้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจาก Coinsult แล้ว จึงมีความน่าเชื่อถือพอสมควร
ในช่วงที่ตลาด ETH กำลังไม่มั่นคง การลองมองหาทางเลือกบนบล็อกเชนอื่นอย่าง Solana อาจเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาด Solaxy ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักเทรดที่ต้องการความเร็ว โดยเฉพาะในตลาดเหรียญมีมที่ต้องการความรวดเร็วในการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Ethereum ในตอนนี้
