กราฟรายวันของ Bitcoin ยังคงแสดงสัญญาณทางเทคนิคที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน ความกลัวในตลาดที่พุ่งสูงขึ้นกลับทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าภาวะขาลงในปัจจุบันอาจกำลังปูทางไปสู่ “การพุ่งขึ้นอย่างที่ไม่คาดคิดในเดือนพฤศจิกายน”
แม้ว่าราคาจะปิดต่ำลงและความแข็งแกร่งของเทรนด์จะจางหายไป แต่ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นสำคัญหลายตัวกลับแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์กำลังหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นภาพที่ในอดีตมักเกิดขึ้นก่อนการกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างรุนแรงทั่วทั้งตลาดคริปโต สถานการณ์เช่นนี้ทำให้นักลงทุนต้องจับตาดูปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางราคา Bitcoin ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด
เจาะลึกภาวะ ‘กลัวสุดขีด’ ของตลาด Bitcoin: สัญญาณกลับตัวหรือแค่เริ่มต้นขาลง?
ความเชื่อมั่นในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับคริปโตได้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Santiment ความคิดเห็นเกี่ยวกับ Bitcoin บนโซเชียลมีเดียตอนนี้แบ่งเป็นฝั่งกระทิงและฝั่งหมีอย่างเท่าเทียมกัน ในขณะที่ความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับ Ether มีมากกว่าเชิงลบเพียงเล็กน้อย
ส่วน XRP มีความเชื่อมั่นที่แย่กว่านั้น โดยมีข้อความที่แสดงความมองโลกในแง่ดีไม่ถึงครึ่งหนึ่ง นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดของปี 2025 สำหรับเหรียญนี้เลยทีเดียว
😠 Traders' moods are fading toward crypto, which is welcomed news for the patient.
🟥 Bitcoin $BTC: Even bullish/bearish ratio of social media comments (significantly lower than usual)
🟨 Ethereum $ETH: Just over 50% more bullish vs. bearish comments (less than usual)
🟦 XRP… pic.twitter.com/ZY9RXUxKDK— Santiment (@santimentfeed) November 12, 2025
การลดลงของความกระตือรือร้นนี้สอดคล้องกับแรงกดดันในระดับมหภาค ทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ สภาพคล่องที่เปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใกล้จะสิ้นสุดระยะเวลาการขยายงบประมาณชั่วคราว โดยดัชนี Crypto Fear & Greed Index ได้ดิ่งลงสู่ระดับ 15 จาก 100 ทำให้ตลาดคริปโตตกอยู่ในโซน “Extreme Fear” ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
Joe Consorti จาก Horizon ตั้งข้อสังเกตว่าความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ได้กลับสู่ระดับที่เคยเห็นครั้งล่าสุดในปี 2022 ซึ่งในตอนนั้น Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 18,000 ดอลลาร์ การเปรียบเทียบนี้เพียงอย่างเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตลาดมีความกลัวลึกซึ้งเพียงใด แม้ว่าราคา BTC ในปัจจุบันจะสูงกว่าถึง 5 เท่าก็ตาม
Completely wild.
F&G Index at $18,000 → 20
F&G Index at $100k → 20 pic.twitter.com/SNS1bqhx68— Joe Consorti (@JoeConsorti) November 12, 2025
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนแย้งว่าการย่อตัวที่เกิดจากความกลัวนี้อาจเป็นสัญญาณกระทิง Santiment กล่าวว่าการเปลี่ยนไปสู่ภาวะเชิงลบมักสะท้อนถึงการยอมแพ้ของผู้ถือระยะสั้น ในขณะที่ผู้ถือระยะยาว (ที่เรียกว่า “Diamond Hands”) กำลังรอสะสมในราคาที่ถูกลง “เมื่อรายย่อยเทขาย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญก็จะเข้ามาช้อนเหรียญที่หลุดมือไปและปั๊มราคา” บริษัทกล่าว พร้อมเสริมว่าการฟื้นตัวนั้น “ไม่ใช่คำถามว่า ‘ถ้า’ แต่เป็น ‘เมื่อไหร่’”
ด้าน Samson Mow ซีอีโอของ Jan3 ก็สะท้อนมุมมองนี้ โดยระบุว่า “ผู้ซื้อหน้าใหม่” — คือผู้ที่เข้ามาในช่วง 12-18 เดือนที่ผ่านมา — เป็นผู้ขายหลัก เขาเชื่อว่าผู้เล่นกลุ่มนี้กำลังจะหมดแรงขาย ในขณะที่ผู้ถือ Bitcoin ระยะยาวยังคงดูดซับอุปทานไว้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ การมองหาเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในปี 2025 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรอบต่อไปจึงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
วิเคราะห์กราฟ Bitcoin: สัญญาณเทคนิคอ่อนแรง แนวรับ-แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตา
แม้ว่าความเชื่อมั่นจะชี้ไปยังโอกาสในการกลับตัว แต่โครงสร้างกราฟของ Bitcoin กลับสะท้อนถึงแรงกดดันขาลงที่เพิ่มขึ้น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น 9 วัน (9-day EMA) ได้ตัดลงต่ำกว่าเส้น 20 วัน (20-day EMA) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเทรนด์ที่เสื่อมถอยลง
การที่เส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 2 กำลังแบนราบและเริ่มโค้งลง แสดงให้เห็นว่าฝั่งผู้ซื้อกำลังสูญเสียการควบคุมโมเมนตัม ราคา BTC ยังคงปิดต่ำกว่าเส้น EMA เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งบอกว่าการฟื้นตัวระหว่างวันใดๆ ก็ตามล้วนถูกแรงขายกดดันมากกว่าที่จะเป็นความต้องการซื้อเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่อย่างแท้จริง โครงสร้างเช่นนี้โดยทั่วไปมักจะเอื้อต่อการปรับตัวลงต่อ เว้นแต่ผู้ซื้อจะสามารถตั้งรับที่แนวรับสำคัญได้อย่างแข็งแกร่ง

ตัวชี้วัดโมเมนตัมยิ่งตอกย้ำภาพดังกล่าว โดย MACD ยังคงอยู่ในแดนลบ และ Histogram ขยายตัวลึกลงไปใต้เส้นศูนย์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโมเมนตัมขาลงยังคงเร่งตัวขึ้น ในขณะเดียวกัน ค่า RSI ที่เคลื่อนตัวลงมาอยู่ในช่วง 30 ปลายๆ สะท้อนถึงตลาดที่กำลังเข้าสู่แดนหมี แต่ยังไม่ถึงจุด Oversold (ขายมากเกินไป) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ฝั่งผู้ขายอาจยังมีช่องว่างให้กดราคา Bitcoin ลงไปได้อีกก่อนที่นักลงทุนสายช้อนจะกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาคือ $102,235, $104,809 และ $106,133 ในขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ $101,346, $100,963 และแนวรับโครงสร้างที่ลึกลงไปคือ $96,593 ถึงแม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคจะชี้ถึงโอกาสในการปรับตัวลงต่อ แต่บทวิเคราะห์บางส่วนก็มองว่านี่อาจเป็นเพียงการย่อตัวของ Bitcoin ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งสู่ฐานราคาใหม่
จับตา Bitcoin Hyper: Layer-2 ที่อาจปลดล็อกศักยภาพ Bitcoin ในปี 2025
ท่ามกลางความผันผวนของ Bitcoin โปรเจกต์ Layer-2 อย่าง Bitcoin Hyper (HYPER) กำลังกลายเป็นที่จับตามองอย่างมากในฐานะหนึ่งในโปรเจกต์ที่อาจมาแรงที่สุดในปี 2025 ด้วยการระดมทุนที่ทะลุ 26.9 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 4 เดือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอย่างล้นหลามจากนักลงทุนทั่วโลก

หนึ่งในจุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนคือผลตอบแทนจากการ Staking ที่สูงถึง 49% ต่อปี (APY) สำหรับผู้เข้าร่วมในช่วงแรก ซึ่งไม่เพียงสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้เกิดการถือเหรียญระยะยาวและเสริมสร้างเสถียรภาพให้กับระบบนิเวศ ทำให้ Bitcoin Hyper กลายเป็นหนึ่งใน เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนวันนี้ ที่หลายคนให้ความสนใจ
สำหรับผู้ที่ติดตาม Bitcoin Hyper มาอย่างต่อเนื่อง อย่าลืมทบทวน บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper และอย่าลืมดูวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ทีละขั้นตอน เพื่ออัปเดตมุมมอง
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper หรือที่ X และ ช่อง Telegram
สรุปประเด็นสำคัญ
- แม้สัญญาณเทคนิคของ Bitcoin จะอ่อนตัว แต่ดัชนีความกลัวที่แตะระดับ ‘สุดขีด’ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้การกลับตัวของราคาในระยะสั้นได้
- นักวิเคราะห์มองว่าการเทขายมาจากนักลงทุนระยะสั้น ขณะที่ผู้ถือระยะยาว (Diamond Hands) กำลังทยอยสะสมเหรียญ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว
- โปรเจกต์ Bitcoin Hyper นำเสนอโซลูชัน Layer-2 ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและลดค่าธรรมเนียมให้ Bitcoin เพื่อรองรับการใช้งาน DeFi และ dApps ได้จริง
- การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในระยะถัดไปจะถูกกำหนดโดยแนวรับสำคัญที่ $101,346 และแนวต้านที่ $104,809 ซึ่งเป็นสมรภูมิหลักของตลาด






