หลังจากเดือนตุลาคมที่เต็มไปด้วยแรงขาย ราคา Bitcoin ยังคงเคลื่อนไหวอย่างอ่อนแรงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มหมดหวังกับเป้าหมายใหญ่ แต่ก็ยังมีความคาดหวังต่อปรากฏการณ์ “Santa Claus rally” หรือการปรับตัวขึ้นช่วงปลายปี
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนรายใหญ่หรือ “วาฬ” จำนวนมากกลับเริ่มหันไปให้ความสนใจกับโอกาสใหม่ในโครงการ Bitcoin Hyper ที่กำลังมาแรงหลังยอดพรีเซลพุ่งเกือบ 27 ล้านดอลลาร์ สะท้อนการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่น่าจับตา
วิเคราะห์ราคา Bitcoin หลังร่วง 7.8% จะมี Santa Claus Rally หรือไม่?
ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ราคา Bitcoin ได้ปรับตัวลดลงจากระดับ 109,000 ดอลลาร์ลงไปต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาซื้อขายที่บริเวณ 104,000 ดอลลาร์ในปัจจุบันคิดเป็นการปรับตัวลงราว 8% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ว่านักวิเคราะห์บางรายยังคงคาดการณ์ว่า Bitcoin อาจไปถึง 250,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ แต่การจะเพิ่มขึ้นกว่า 2.5 เท่าจากระดับปัจจุบันดูเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ความหวังของนักลงทุนยังคงอยู่ที่ “Santa Claus rally” ในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาคอย่างข้อเสนอ “เงินปันผลภาษี 2,000 ดอลลาร์” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เนื่องจากในอดีต มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะนี้มักจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาด และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึง Bitcoin ให้ปรับตัวสูงขึ้นได้
จับตาสัญญาณเทคนิค Bitcoin นักวิเคราะห์ชี้คล้ายช่วงสะสมพลัง
เมื่อมองในมุมเทคนิค นักวิเคราะห์อย่าง Trader Koala ได้ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างราคาของ Bitcoin ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับช่วงสะสมพลังในปี 2023-2024 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการทะยานของราคาครั้งใหญ่
หากรูปแบบดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป การอ่อนตัวของราคาในรอบนี้อาจเป็นเพียง “การพักฐานกลางรอบ” เพื่อสะสมแรงก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อ ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของตลาดขาลงรอบใหม่
จากมุมมองของ Trader Koala แนวต้านสำคัญถัดไปที่ Bitcoin ต้องทดสอบจะอยู่ในช่วง 135,000-145,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดูมีความเป็นไปได้มากกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 250,000 ดอลลาร์ในปีนี้
การพักฐานครั้งนี้จึงอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในวัฏจักรขาขึ้นระยะยาว
เปิดตัว Bitcoin Hyper โอกาสใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของ Bitcoin
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของราคา Bitcoin หนึ่งในเหรียญใหม่อย่าง Bitcoin Hyper ที่เป็นโครงการ Layer-2 กลับได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยโครงการนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเครือข่าย Bitcoin โดยเฉพาะ ด้วยการผสานจุดเด่นด้านความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำแบบ Solana เข้ากับความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของ Bitcoin ทำให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Bitcoin Hyper ใช้ระบบ Canonical Bridge เพื่อให้ Bitcoin สามารถเคลื่อนย้ายระหว่างเครือข่ายหลักและ Layer-2 ได้อย่างราบรื่น โดยเมื่อ Bitcoin ถูกล็อกบนเครือข่ายหลัก ระบบจะสร้างเหรียญ “Wrapped Bitcoin” ขึ้นมาเพื่อใช้ทำธุรกรรมบน Bitcoin Hyper ซึ่งเป็นการเพิ่ม “มูลค่าการใช้งานจริง” ให้กับ Bitcoin จากเดิมที่เป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อเก็บมูลค่าเท่านั้น
นอกจากนี้ โทเคนของโครงการยังสามารถนำไปทำการ Stake เพื่อรับผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 43% ต่อปีได้อีกด้วย
เจาะลึกแรงซื้อจากวาฬดันพรีเซล Bitcoin Hyper ทะลุ 27 ล้านดอลลาร์
สิ่งที่ยืนยันความร้อนแรงของ Bitcoin Hyper คือแรงซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยอดพรีเซลเพิ่มขึ้นกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากการเข้าซื้อล็อตใหญ่ เช่น นักลงทุนรายหนึ่งที่ซื้อไปถึง 62.2 ล้านโทเคน (มูลค่าราว 833,000 ดอลลาร์) และอีกรายที่ซื้อเพิ่ม 24.6 ล้านโทเคน (มูลค่าราว 327,000 ดอลลาร์)
กระแสนี้ยังคงดำเนินต่อในเดือนพฤศจิกายน โดยมีวาฬเข้าซื้อเพิ่มอีก 10 ล้านโทเคน (มูลค่าราว 135,000 ดอลลาร์) และล่าสุดมีการซื้ออีก 16.8 ล้านโทเคน (มูลค่าราว 225,000 ดอลลาร์)
แรงซื้อจากวาฬเหล่านี้สะท้อนว่าขณะที่ราคา Bitcoin ชะลอตัว นักลงทุนบางส่วนอาจกำลังโยกเงินเข้าสู่ Bitcoin Hyper ซึ่งถูกมองว่าเป็น “โอกาสใหม่แห่งยุค Bitcoin” และอาจเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน โดยรอบพรีเซลปัจจุบันเปิดขายที่ราคา 0.013255 ดอลลาร์ และเหลือเวลาอีกเพียง 30 ชั่วโมงก่อนจะปรับราคาขึ้นในเฟสถัดไป
อ่านบทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหรือศึกษาวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ
