
เยอรมนีกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ทางการเงิน เมื่อ aifinyo AG บริษัทฟินเทคที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากเมืองเดรสเดน ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์องค์กรครั้งใหญ่โดยมุ่งเน้นไปที่ Bitcoin อย่างเต็มตัว ในฐานะบริษัทเยอรมันแห่งแรกที่ประกาศตัวเป็น “Bitcoin Treasury Company” พวกเขามีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการนำ Bitcoin เข้าสู่คลังสินทรัพย์ของบริษัทมากถึง 10,000 BTC ภายในปี 2027 การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างแรงสั่นสะเทือนในเยอรมนี แต่ยังอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการยอมรับ Bitcoin ในระดับองค์กรทั่วยุโรป
aifinyo AG: ผู้บุกเบิกกลยุทธ์ Bitcoin Treasury ในเยอรมนี
บริษัท aifinyo AG ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีบริษัทเยอรมันแห่งใดทำมาก่อน ด้วยการประกาศตัวเป็น Bitcoin Treasury Company แห่งแรกของประเทศอย่างเป็นทางการ บริษัทฟินเทคซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเดรสเดนและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ BaFin (หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเยอรมนี) ได้เริ่มลงทุนใน Bitcoin ไปแล้วกว่า 3 ล้านยูโร และมีแผนจะสะสมอย่างต่อเนื่อง
Das deutsche FinTech-Unternehmen @aifinyo hat heute bekannt gegeben, als „Deutschlands erste Bitcoin Treasury Company“ durchstarten zu wollen. 🇩🇪
Das Ziel: eine Bilanz mit 10.000 $BTC bis zum Jahr 2027. Für 3 Mio. € hat aifinyo bereits investiert. 🛒
⬇️https://t.co/Du8SlbPWs0— Blocktrainer (@blocktrainer) October 21, 2025
ขณะที่บริษัทอย่าง aifinyo เลือกบุกเบิกด้วยการนำ Bitcoin เข้าสู่ระบบองค์กร นักลงทุนรายย่อยบางส่วนก็มองหาโอกาสในการบุกเบิกผ่านการลงทุนในการจัดอันดับเหรียญต้นน้ำแห่งปี 2025 ซึ่งอาจให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้กลยุทธ์ของ aifinyo แตกต่างและน่าจับตาคือแนวทางที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก MicroStrategy ของ Michael Saylor แต่ใช้ในรูปแบบที่อนุรักษ์นิยมกว่ามาก โดยบริษัทจะใช้เฉพาะกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและผลกำไรในการเข้าซื้อ Bitcoin เท่านั้น ไม่มีการกู้ยืมเงินหรือใช้หนี้สินเพื่อการลงทุน ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะยาว Stefan Kempf ซีอีโอของบริษัทเน้นย้ำว่า “นี่ไม่ใช่การเก็งกำไร ไม่ใช่การจับจังหวะตลาด แต่เป็นการสะสมสินทรัพย์ที่มีภาวะฝืด (deflationary asset) อย่างเป็นระบบ”
เป้าหมาย 10,000 Bitcoin และแรงหนุนจากนักลงทุนสหรัฐฯ
เป้าหมายในการถือครอง Bitcoin จำนวน 10,000 BTC ภายในปี 2027 ถือเป็นแผนที่ท้าทายอย่างยิ่ง แต่ก็มีโครงสร้างที่ชัดเจนและเป็นไปได้ การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจาก UTXO Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนจากสหรัฐอเมริกาที่เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่กลยุทธ์ Bitcoin Treasury โดยเฉพาะ
UTXO Management ได้เข้าลงทุนใน aifinyo เป็นมูลค่า 3 ล้านยูโร ซึ่งเงินทุนทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในการซื้อ Bitcoin โดยตรง Tyler Evans ผู้ร่วมก่อตั้ง UTXO ได้กล่าวถึง aifinyo ว่าเป็น “การผสมผสานที่หาได้ยากระหว่างกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน ความสามารถในการทำกำไร และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล” การที่นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วม ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือและศักยภาพของกลยุทธ์ Bitcoin นี้ในสายตานักลงทุนสถาบันระดับโลก
การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแนวโน้มที่ใหญ่ขึ้นในตลาด ซึ่งมีข้อมูลชี้ว่าสถาบันการเงินกำลังกว้านซื้อ Bitcoin ในปริมาณที่มากกว่าจำนวนที่ขุดได้ใหม่หลายเท่าตัว สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในระดับมหภาค
วิเคราะห์ผลกระทบ: Bitcoin จะกลายเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัทในยุโรป?
การเคลื่อนไหวของ aifinyo AG ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่ส่งไปยังกลุ่มบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วทั้งเยอรมนีและยุโรป การที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดนำ Bitcoin เข้ามาเป็นสินทรัพย์สำรองในงบดุลอย่างเป็นระบบ อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ กล้าที่จะเดินตาม
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวต้องพิจารณาถึงสภาวะตลาดในปัจจุบันด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ยังคงเผชิญกับแรงเทขายจากผู้ถือครองระยะยาวที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของราคาในระยะสั้น
Garry Krugljakow หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ Bitcoin ของ aifinyo คาดการณ์ว่า “ในอีก 5 ปีข้างหน้า ทุกบริษัทในดัชนี DAX (ตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี) จะต้องพิจารณาว่าควรนำ Bitcoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงบดุลหรือไม่” แม้จะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่ aifinyo มองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในระยะยาว หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่สินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การเงินองค์กรในยุโรปอย่างแท้จริง
ด้วยแนวโน้มที่บริษัทใหญ่หันมาสนใจ Bitcoin มากขึ้น จึงเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของตลาดคริปโตโดยรวม และทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองหาเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในปี 2025 เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการเติบโตควบคู่กันไป
Bitcoin Hyper ระดมทุนทะลุ 24.6 ล้านดอลลาร์ ปูทางสู่ยุคใหม่ของ Bitcoin Layer-2
Bitcoin กำลังเป็นจุดสนใจของตลาดคริปโต และโปรเจกต์ Layer-2 อย่าง Bitcoin Hyper (HYPER) ได้ระดมทุนกว่า 24.6 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึงสามเดือน สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลก โปรเจกต์นี้พัฒนาบน Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อยกระดับ Bitcoin ให้รองรับ DeFi, dApps และ NFT ได้จริง ด้วยความเร็วระดับหมื่นธุรกรรมต่อวินาที และค่าธรรมเนียมเฉลี่ยต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์ พร้อมเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof (ZKP) ที่ช่วยยืนยันธุรกรรมกลับไปยัง Layer-1 อย่างปลอดภัย
Bitcoin Hyper แก้ข้อจำกัดของเครือข่าย Bitcoin เดิม เพิ่มความเร็วจาก 7 ธุรกรรมต่อวินาทีเป็นหลักหมื่น ลดค่าธรรมเนียมลงเกือบศูนย์ และเปิดให้นักพัฒนาสร้างแอปผ่าน Rust SDK และ API ครบชุด ฟีเจอร์เด่น เช่น Meme Coin Factory สำหรับสร้างโทเค็น, DeFi ที่ใช้ BTC เป็นหลักประกัน, Micropayment สำหรับการโอนจำนวนน้อย และ GameFi/NFT ที่เชื่อมโยงชุมชน Solana เข้ากับ Bitcoin Layer-2
ระบบ Cross-Chain Bridge ของ Bitcoin Hyper ใช้ ZKP และ SPV เพื่อย้ายสินทรัพย์ระหว่างเครือข่ายหลักอย่างปลอดภัย BTC ที่ฝากไว้จะถูกแปลงเป็น Wrapped BTC (WBTC) เพื่อใช้งานใน DeFi หรือ Gaming และสามารถเผาเพื่อนำกลับเข้าสู่ Layer-1 ได้ โทเค็น HYPER ทำหน้าที่เป็นทั้งค่า Gas, รางวัล Staking และ Governance Token ที่กำหนดทิศทางเครือข่ายในอนาคต
หากคุณเตรียมเข้าลงทุนใน Bitcoin Hyper โปรดศึกษา บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper และอย่าลืมดูวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ทีละขั้นตอน เพื่อวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม
เกาะติดความเคลื่อนไหวของทีมผ่าน เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper และเสริมมุมมองจาก X และ ช่อง Telegram
