
บริษัท SharpLink Gaming แพลตฟอร์มเดิมพันที่มีหุ้นซื้อขายใน Nasdaq เพิ่งสร้างความฮือฮาในวงการคริปโตด้วยการประกาศแผนการใหม่ที่น่าสนใจ โดยการตัดสินใจใช้ ETH เป็นเงินสำรองหลักแทนเงินสดปกติ พร้อมระดมเงินลงทุนได้ถึง 425 ล้านดอลลาร์
ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือการที่ Joseph Lubin หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Ethereum ตกลงมาเป็นประธานกรรมการของบริษัทด้วย ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทใหญ่ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น โดยเฉพาะ ETH ที่เป็นเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
การระดมทุนสำเร็จพร้อมนักลงทุนระดับโลก
SharpLink Gaming ได้เซ็นสัญญาเพื่อขายหุ้นให้กับนักลงทุนเอกชนในรูปแบบที่เรียกว่า PIPE ซึ่งเป็นการลงทุนในบริษัทที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดแล้ว มูลค่าการระดมทุนครั้งนี้อยู่ที่ 425 ล้านดอลลาร์ โดยมี Consensys บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน Ethereum เป็นหนึ่งในนักลงทุนหลัก ทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน
รายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในวงการ ทั้ง ParaFi Capital, Electric Capital, Pantera Capital, Arrington Capital, Galaxy Digital, Ondo, White Star Capital, GSR, Hivemind Capital, Hypersphere และ Primitive Ventures นอกจากนี้ผู้บริหารของ SharpLink อย่าง Rob Phythian และ Robert DeLucia ก็ร่วมลงทุนด้วย
การที่นักลงทุนชื่อดังเหล่านี้เข้าร่วมการระดมทุนแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแผนธุรกิจและกลยุทธ์ ETH Treasury ของบริษัท
ผลจากการประกาศข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้น SharpLink พุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่ถึง 400% โดยขายที่ราคาเกือบ 33.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ปิดที่ต่ำกว่า 7 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงราคาแบบกระโดดขนาดนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตลาดหุ้นมีความคาดหวังสูงต่อแผนใหม่ของบริษัท

Joseph Lubin ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Consensys ได้แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือ SharpLink โดยกล่าวว่า Consensys จะทำงานร่วมกับ SharpLink ในการพัฒนาแผน Ethereum Treasury และให้คำแนะนำทางธุรกิจด้วย คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างสองบริษัทในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วย ETH
แนวโน้มการใช้ Cryptocurrency เป็น Corporate Treasury
การที่ SharpLink เลือกใช้ ETH เป็นเงินสำรองหลักของบริษัทสะท้อนถึงกระแสใหม่ที่บริษัทต่างๆ เริ่มสนใจเก็บคริปโตแทนเงินสด แม้ว่าส่วนใหญ่จะนิยม Bitcoin มากกว่า แต่ SharpLink กลับเลือก ETH และบอกชัดเจนว่า “ETH จะเป็นสินทรัพย์สำรองหลักของบริษัท” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในอนาคตของ Ethereum
ในอดีตมีหลายบริษัทที่เคยลองใช้ ETH เป็นเงินสำรอง เช่น Meitu บริษัทที่ทำแอปแต่งรูปมีชื่อ แต่ในที่สุดก็ขาย Bitcoin 940 เหรียญและ Ether 31,000 เหรียญไปหมดในปีที่แล้ว มีอีกหลายบริษัทที่เคยลองใช้ ETH เช่น KPMG แคนาดาที่เก็บทั้ง Bitcoin และ ETH ในปี 2022 หรือ Boyaa Interactive จากฮ่องกงที่เคยถือ ETH แต่เปลี่ยนมาเก็บ Bitcoin แทนในปลายปี 2024
Reddit เว็บไซต์โซเชียลยักษ์ใหญ่เคยซื้อทั้ง Bitcoin และ Ethereum มาเก็บไว้ แต่มีข่าวว่าขายไปเกือบหมดในปลายปี 2024 ส่วน BTCS อีกบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นประกาศจะหาเงิน 57.8 ล้านดอลลาร์มาซื้อ Ether ในเดือนนี้ การเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าแม้บริษัทต่างๆ จะมีการตัดสินใจที่แตกต่างกัน แต่แนวโน้มการใช้คริปโตเป็นเงินสำรองของบริษัทยังคงเติบโตต่อไป
การที่ Joe Lubin เข้ามาเป็นประธานกรรมการของ SharpLink ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผน ETH Treasury อย่างมาก เพราะเขามีประสบการณ์และความเข้าใจเรื่อง Ethereum มาตั้งแต่วันแรกที่สร้างขึ้น การมีเขาในทีมไม่เพียงช่วยในด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและตลาดที่ว่า SharpLink จริงจังกับการใช้ Ethereum เป็นเงินสำรองอย่างแท้จริง
Best Wallet — Ethereum Wallet ที่ตอบโจทย์นักลงทุน
การที่บริษัทต่างๆ เริ่มหันมาใช้ ETH เป็น Treasury ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของ Ethereum ในอนาคต สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการจัดการสินทรัพย์อย่างปลอดภัย Best Wallet ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกของกระเป๋า Ethereum Wallet ที่ดีที่สุด ด้วยการรองรับ Ethereum และบล็อกเชนอื่นๆ กว่า 60 เครือข่าย พร้อมระบบความปลอดภัยระดับสถาบัน
ผู้ใช้งานสามารถใช้ Best Wallet ในการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และ Stake เหรียญคริปโตได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องผ่าน KYC หรือการยืนยันตัวตนที่ยุ่งยาก ด้วยระบบ Non-custodial ที่ให้ผู้ใช้งานควบคุม Private Key ได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมี DEX แบบ Built-in ที่เชื่อมต่อกับตลาดซื้อขายกว่า 200 แห่ง เพื่อให้ได้อัตราแลกเปลี่ยน ETH ที่ดีที่สุด
สิ่งที่ทำให้ Best Wallet โดดเด่นคือระบบนิเวศที่ครบครัน ผู้ถือโทเค็น $BEST จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียม รางวัล Staking ที่สูงขึ้น และโอกาสเข้าถึงโปรเจกต์ใหม่ก่อนใคร ด้วยฐานผู้ใช้งานกว่า 750,000 คนและการเติบโต 50% ทุกเดือน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก
