
ล่าสุดมีการเคลื่อนไหวครั้งสําคัญที่อาจส่งผลต่อ Bitcoin (BTC) และวงการคริปโตในภาพรวม ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (วันที่ 3 กุมภาพันธ์) เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในคําสั่งบริหาร เพื่อวางแผนจัดตั้ง Sovereign Wealth Fund ที่ดําเนินการโดยรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
ความคิดริเริ่มนี้เป็นไปตามคํามั่นสัญญาของ Trump ที่แสดงเจตจํานงตั้งแต่ช่วงหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมุ่งเน้นการนํา Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในกลยุทธ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ
BTC จะมีส่วนในสินทรัพย์การเงินของสหรัฐฯ หรือไม่?
Scott Bessent รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เปิดเผยในงานแถลงข่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะ “สร้างรายได้จากสินทรัพย์ในงบดุลของสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ของประชาชน” ภายในปีหน้า
Bessent ระบุว่า Sovereign Wealth Fund นี้จะครอบคลุมสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง รวมไปถึงทรัพยากรในประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการสินทรัพย์การเงินของสหรัฐฯ
แม้ว่าคําสั่งบริหารฉบับนี้จะไม่ได้กล่าวถึง Bitcoin หรือคริปโตเคอร์เรนซีโดยตรง แต่เป้าหมายหลักของกองทุนนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างเสถียรภาพทางการเงิน ลดภาระภาษีให้กับครอบครัวชาวอเมริกันและธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงเพิ่มอิทธิพลทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในระดับโลก
นอกจากนี้ กองทุนยังมีแผนลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญ เช่น สนามบินและทางหลวง ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างบทบาทของสหรัฐฯ ในภูมิภาคสําคัญอย่าง Panama และ Greenland
Bessent และ Howard Lutnick ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนบิทคอยน์และคริปโต จะร่วมกันพัฒนากลยุทธ์สําหรับกองทุนนี้ภายใน 90 วันหลังจากคําสั่งนี้มีผลบังคับใช้
ในขณะที่รายละเอียดเพิ่มเติมยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ความเคลื่อนไหวนี้อาจจะสอดคล้องกับแนวโน้มที่ Sovereign Wealth Funds ทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจกับบิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุน
ต้นแบบสําหรับกลยุทธ์การลงทุนของสหรัฐฯ
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกองทุน Sovereign Wealth Fund ของนอร์เวย์ ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยข้อมูลจาก Sovereign Wealth Fund Institute ระบุว่า Norges Bank Investment Management (NBIM) ซึ่งบริหารกองทุนนี้ มีการเพิ่มการลงทุนทางอ้อมใน Bitcoin ถึง 153% ในปี 2024
การเพิ่มขึ้นจาก 1,507 ในช่วงสิ้นปี 2023 เป็น 3,821 BTC ภายในสิ้นปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการยอมรับ Bitcoin ในกลยุทธ์การลงทุนของสถาบันในระดับที่กว้างขวาง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการลงทุนโดยตรงก็ตาม
Vetle Lunde ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่า การเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวในหมู่นักลงทุนรายใหญ่ สะท้อนถึงความเติบโตของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สําคัญที่เหมาะสมกับพอร์ตการลงทุน
นอกจากนี้ Lunde ยังกล่าวถึงการขยายการลงทุนของ NBIM ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ด้วย เช่น Riot Platforms ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองคริปโต และ Metaplanet จากญี่ปุ่น อีกทั้งยังคงถือหุ้นใน MicroStrategy อย่างมีนัยสําคัญ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการคาดการณ์ว่าการถือครองอาจจะลดลงก็ตาม
การนําแนวทางที่คล้ายคลึงกันมาใช้ในสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Trump อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งบูรณาการ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
นักวิเคราะห์อย่าง Lark Davis ให้ความเห็นว่า คําสั่งบริหารนี้อาจเปิดโอกาสให้ Sovereign Wealth Fund ลงทุนในหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญในตลาด
ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม บทบาทของ Crypto Czar คนใหม่ในทําเนียบขาวจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในงานประชุมวันอังคารที่จะถึงนี้

