
ราคา Bitcoin (BTC) กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเตือนว่าหากไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด อาจทำให้ราชาแห่งคริปโตเคอร์เรนซีต้องเผชิญกับการปรับฐานราคาที่ลึกกว่าเดิม ท่ามกลางสัญญาณการเทขายทำกำไรของนักลงทุนระยะยาวที่เพิ่มสูงขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกถึงความเสี่ยงและโอกาสที่ Bitcoin กำลังเผชิญอยู่
วิเคราะห์ความเสี่ยง Bitcoin ปรับฐานลึก หลังไร้ปัจจัยใหม่กระตุ้น
รายงานล่าสุดจาก Glassnode ระบุว่า ราคา Bitcoin จำเป็นต้องมีปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ เพื่อผลักดันราคาให้กลับไปยืนเหนือระดับ 117,100 ดอลลาร์อีกครั้ง มิฉะนั้นตลาดอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐานที่ลึกยิ่งขึ้น โดยในขณะที่รายงาน ราคา BTC ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 110,840 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าระดับสำคัญดังกล่าวอยู่ราว 5%
Glassnode ยังชี้ให้เห็นถึงข้อมูลในอดีตว่า เมื่อใดก็ตามที่ราคา Bitcoin ไม่สามารถรักษาระดับแนวรับสำคัญนี้ไว้ได้ ก็มักจะตามมาด้วยการปรับฐานระยะกลางถึงระยะยาวที่ยืดเยื้อ นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณที่น่ากังวลจากการที่นักลงทุนระยะยาว (Long-term holders) เริ่มเทขายทำกำไรมากขึ้น ซึ่งอาจบ่งชี้ถึง “ภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแรงลง”
สัญญาณที่น่ากังวลนี้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ โดยล่าสุดมีรายงานว่าวาฬได้เปิด Short Bitcoin มูลค่ามหาศาล ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาเพิ่มเติมและตอกย้ำความเสี่ยงในการปรับฐาน
ในมุมมองของ Shubh Varma, CEO ของ Hyblock Capital เขาคาดการณ์ว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนที่มี “ความผันผวนค่อนข้างสูง” โดยมีโอกาสที่ราคาจะแกว่งตัวขึ้นไปในกรอบ 116,000 ถึง 120,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เขามองว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ เป็นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับ Bitcoin หลังจากที่ตลาดเผชิญการร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
เปิดปัจจัยบวกที่อาจหนุนราคา Bitcoin สวนทางตลาด
แม้จะมีความกังวลเรื่องการปรับฐาน แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกหลายประการที่อาจช่วยหนุนราคา Bitcoin ได้ Shubh Varma จาก Hyblock Capital กล่าวว่า “กระแสเงินทุนไหลเข้า ETF ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และปริมาณการซื้อขายในตลาดสปอตก็ดูแข็งแกร่ง” โดยข้อมูลจาก Farside แสดงให้เห็นว่าก่อนที่ตลาดจะร่วงลง Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง 9 วัน รวมมูลค่าสูงถึง 5.96 พันล้านดอลลาร์
กระแสเงินทุนที่แข็งแกร่งนี้ทำให้นักลงทุนหลายคนคาดหวังว่าเงินกองทุนไหลเข้าอาจหนุนราคา Bitcoin ให้ทะลุแนวต้าน และมุ่งหน้าสู่ระดับ 130,000 ดอลลาร์ได้ในอนาคตอันใกล้
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากทำให้นักลงทุนย้ายเงินทุนจากการลงทุนแบบดั้งเดิมที่ให้ผลตอบแทนต่ำลงมาสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่าตลาดคาดการณ์โอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 29 ตุลาคมสูงถึง 95.7%
Matt Mena นักยุทธศาสตร์การวิจัยคริปโตจาก 21Shares มองว่าสถานการณ์ในช่วงปลายปี “ดูมีแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล” และคาดว่า Bitcoin อาจมีโอกาสพุ่งขึ้นไปสู่ระดับ 150,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Arthur Hayes และ Joe Burnett จาก Unchained Market Research คาดการณ์เป้าหมายราคาที่สูงถึง 250,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025
นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว ตลาดคริปโตโดยรวมก็ยังมีโอกาสเติบโต ซึ่งนักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนในปี 2025 เพื่อกระจายความเสี่ยงและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาด
ขณะเดียวกัน การมองหาเหรียญเกิดใหม่ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการจับตาเหรียญใหม่ที่มีศักยภาพอาจได้เข้า Binance ซึ่งมักจะสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจหลังจากการลิสต์บนกระดานเทรดชั้นนำ
นักลงทุนแห่จับตา Bitcoin Hyper โปรเจกต์ Layer-2 ที่พลิกโฉม BTC สู่ DeFi ปี 2025
Bitcoin Hyper กำลังเป็นที่จับตาในฐานะคริปโตเคอร์เรนซีที่น่าลงทุนปี 2025 โดยระดมทุนได้กว่า 23.8 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 เดือน สะท้อนความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะช่วงที่ Bitcoin มีโอกาสทำราคาสูงสุดใหม่และตลาด Altcoins คึกคัก เหรียญนี้เป็น Layer-2 รุ่นบุกเบิกที่สร้างบน Solana Virtual Machine (SVM) มีเป้าหมายเปลี่ยน Bitcoin จากสินทรัพย์เก็บมูลค่าให้เป็นเครือข่ายความเร็วสูง รองรับการใช้งานในโลก DeFi, dApps และ Meme Culture
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวง Meme Culture ที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากกำลังจับตามองเหรียญมีมมาแรงแห่งปี 2025 เพื่อค้นหาโอกาสในการลงทุนรอบใหม่ที่อาจสร้างผลตอบแทนสูง
Bitcoin Hyper แก้ปัญหาความช้าและค่าธรรมเนียมสูงของ Bitcoin เดิม ด้วยความสามารถประมวลผลธุรกรรมหลายหมื่นรายการต่อวินาที และค่าธรรมเนียมเฉลี่ยต่ำกว่า 0.001 ดอลลาร์ โดยยังคงความปลอดภัยผ่าน Zero-Knowledge Proof (ZKP) เพื่อบีบอัดข้อมูลก่อนส่งกลับไปยืนยันบน Layer-1 แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้นักพัฒนาสร้างโทเค็นบน Bitcoin ได้ง่าย รวมถึงใช้ Bitcoin เป็นหลักประกันใน DeFi ได้
ระบบ Cross-Chain Bridge ของ Bitcoin Hyper รองรับการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ระหว่าง BTC, ETH และ SOL อย่างปลอดภัยตั้งแต่แรกเริ่ม โดยใช้ ZKP และ SPV ทำให้สินทรัพย์จาก Ethereum และ Solana สามารถใช้งานใน Layer-2 ของ Bitcoin ได้ทันที BTC ที่ฝากในบริดจ์จะถูกล็อกและออกเป็น Wrapped BTC (WBTC) เพื่อใช้ในระบบนิเวศ เช่น DeFi, Meme Coin, Gaming และ NFT ก่อนที่จะสามารถเผาเพื่อนำ BTC กลับคืนสู่เครือข่ายหลักได้
ถ้าคุณกำลังวางแผนพิจารณา Bitcoin Hyper สามารถอ่าน บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper และอย่าลืมดูวิธีซื้อ Bitcoin Hyper ทีละขั้นตอน เพื่อเสริมความมั่นใจและกำหนดแผนได้แม่นยำขึ้น
อัปเดตข่าวสารล่าสุดผ่าน เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper พร้อมทั้ง X และ ช่อง Telegram
