
ในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 มูลค่ารวมของตลาดเหรียญมีมลดลงกว่า -4% ภายใน 24 ชั่วโมงคงเหลือราว 66,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งสะท้อนภาวะชะลอตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม โครงการใหม่อย่าง Solaxy กลับได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เบื้องหลังกระแสนี้คือข่าวลือที่ว่านักลงทุนรายใหญ่ผู้เคยทำกำไรมหาศาลจาก Dogecoin กำลังให้ความสนใจกับ Solaxy โดยเขายังคงถือครอง Dogecoin มูลค่ากว่า 5.6 ล้านดอลลาร์ และมองว่า Solaxy มีศักยภาพเติบโตคล้ายคลึงกับ Dogecoin ในยุคแรกเริ่ม
นักวิเคราะห์บางรายประเมินว่า Solaxy อาจมีโอกาสเติบโตสูงสุดถึง 100 เท่า จึงไม่แปลกที่การเปิดขายโทเค็นรอบแรกจะได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
Solaxy: เหรียญมีมที่มาพร้อมการใช้งานจริงบนเทคโนโลยี Layer-2
Solaxy ถูกพัฒนาขึ้นในฐานะ Layer-2 ตัวแรกบนบล็อกเชน Solana โดยมุ่งเน้นการแก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคของเครือข่ายหลัก เช่น ปัญหาความแออัด ความสามารถในการขยายตัว และความน่าเชื่อถือของธุรกรรม
การนำเทคโนโลยี Layer-2 เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพ ทำให้ Solaxy มีเป้าหมายในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำธุรกรรมที่เสถียรและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ผสานการทำงานร่วมกับ Hyperlane ซึ่งเป็นโปรโตคอลสำหรับการเชื่อมโยงข้ามบล็อกเชน ทำให้สามารถโอนย้ายสินทรัพย์ระหว่างเครือข่ายได้อย่างราบรื่น
นับตั้งแต่เริ่มต้นการขายโทเค็นล่วงหน้าในเดือนธันวาคม 2024 Solaxy สามารถระดมทุนได้แล้วกว่า 48 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่สนใจในเหรียญมีมที่มีพื้นฐานการใช้งานชัดเจน
ทำไมการขายรอบพรีเซลของ Solaxy จึงเป็นที่จับตามอง?
การขายโทเค็นรอบพรีเซลของ Solaxy กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย โดยมีแผนเตรียมขึ้นสู่กระดานเทรดหลัก ซึ่งอาจเป็นจังหวะทองสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ต้น เพราะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าราคาของ $SOL อาจพุ่งแตะ 260 ดอลลาร์ภายในปลายเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งจะผลัดดันให้เกิดความต้องการใน Solaxy มากขึ้น
Solaxy จึงถูกมองว่าเป็นโครงการเหรียญมีมที่มีความแตกต่างจาก Dogecoin ด้วยการออกแบบที่เน้นการใช้งานจริงบนบล็อกเชน พร้อมตอบโจทย์ข้อจำกัดของเครือข่ายได้อย่างตรงจุด
