
World Liberty Financial (WLF) แพลตฟอร์มคริปโตที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเงินได้ประกาศเปิดตัวคลังสำรองเหรียญดิจิทัลเชิงกลยุทธ์
การเปิดตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Bitcoin และเหรียญคริปโตเหรียญอื่น ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินโลก
เจาะลึก! คลังสำรองเหรียญดิจิทัล WLF มีอะไรดี?
Reuters รายงานว่า WLF ระบุในโพสต์บน X ว่าคลังสำรองเหรียญดิจิทัลใหม่นี้จะช่วยลดความผันผวนของตลาด ทำให้บริษัทสามารถลงทุนในโครงการ DeFi และพัฒนาคลังสำรอง
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสถาบันการเงินเพื่อนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาสู่คลังสำรองของ WLF
การเปิดตัวคลังสำรองนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทรัมป์และครอบครัวหันมาหารายได้จากโลกของคริปโตมากขึ้น
นอกเหนือจาก WLF แล้ว กลุ่มธุรกิจของทรัมป์ยังถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ใน Trump Media & Technology Group ซึ่งเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียและการสตรีมมิ่งที่กำลังจะเปิดตัว Bitcoin ETF และได้ประกาศเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 ว่าจะหันมาให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
ไขปริศนา! จุดประสงค์ที่แท้จริงเบื้องหลังการเข้าสู่โลกคริปโตของทรัมป์
WLF เปิดตัว 2 เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์และบริษัทในเครือถือหุ้น 60% ในบริษัทโฮลดิ้ง และมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง 75% ของรายได้และ 22,000 ล้านโทเค็น
ข่าวนี้เกิดขึ้นเพียง 3 วันหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ปรากฏตัวอย่างเซอร์ไพรส์ที่งาน Ondo Summit ในมหานครนิวยอร์กซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น Wall Street 2.0
ที่งานดังกล่าว ทรัมป์และผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวกับผู้เข้าร่วมงานซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแวดวงการเงินแบบดั้งเดิมว่าเป้าหมายของ WLF คือการเชื่อมช่องว่างระหว่างโลกของคริปโตและนักลงทุนรายย่อย เช่น ครู ตำรวจดับเพลิง และทันตแพทย์
โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีกรอบการกำกับดูแลที่จะช่วยให้ “คริปโตเติบโต” เขากล่าวว่าคริปโตคือ “อนาคตของการเงิน” และ “อนาคตของอำนาจครอบงำของอเมริกา”
ผลกระทบต่อ Bitcoin และตลาดคริปโตโดยรวม?
การที่ทรัมป์เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดคริปโตอย่างเต็มตัวนี้ บ่งชี้ถึงการยอมรับใน Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้างมากขึ้น
การเปิดตัวคลังสำรองเหรียญดิจิทัลของ WLF อาจส่งผลให้ Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ มีเสถียรภาพมากขึ้น และดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาในตลาดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ WLF และผลกระทบต่อตลาดคริปโตในระยะยาวยังคงต้องรอดูกันต่อไป
