ตลาดคริปโตกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณที่ไม่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์เสี่ยง เมื่อ Beth Hammack ประธาน Fed สาขา Cleveland ซึ่งจะมีสิทธิ์โหวตนโยบายดอกเบี้ยในปี 2026 ออกมาแสดงจุดยืนชัดว่า “อาจยังไม่ถึงเวลาลดดอกเบี้ย”
ท่าทีดังกล่าวสร้างแรงกดดันทันทีต่อ Bitcoin และตลาดคริปโตโดยรวม ท่ามกลางความกังวลว่าสภาพคล่องอาจยังไม่ไหลกลับเข้าระบบเร็วอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้
จับตา Fed สายเหยี่ยว: Beth Hammack ส่งแรงสั่นสะเทือนถึง Bitcoin
Beth Hammack ประธาน Fed สาขา Cleveland เตรียมก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ที่มีสิทธิ์ออกเสียงในปี 2026 และเธอเปิดตัวด้วยท่าทีที่ค่อนข้าง “สายเหยี่ยว” อย่างชัดเจน
ในการให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal Hammack ระบุว่า “กรณีพื้นฐานของฉันคือ เราสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับนี้ได้อีกระยะหนึ่ง” จนกว่าจะเห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเงินเฟ้อชะลอลงสู่เป้าหมาย หรือเศรษฐกิจและตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแรงจริง
มุมมองดังกล่าวทำให้นักลงทุน Bitcoin ต้องกลับมาประเมินความเสี่ยงใหม่อีกครั้ง และยิ่งตอกย้ำความกังวลของนักวิเคราะห์บางส่วนที่เตือนว่า Bitcoin อาจดิ่งสู่ $10,000 และกระทบ Altcoin ทั้งตลาด หากสภาพคล่องยังตึงตัวต่อเนื่อง
เงินเฟ้อลดจริงหรือแค่ภาพลวง? Fed ยังไม่ปักใจเชื่อ
แม้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพฤศจิกายนจะออกมาต่ำกว่าคาด โดยเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจาก 3.1% เหลือ 2.7% แต่ Hammack กลับตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขดังกล่าวอาจบิดเบือน
เธอมองว่าการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาล (government shutdown) อาจส่งผลต่อการเก็บข้อมูล และจากการประเมินของเธอเอง เงินเฟ้อที่แท้จริงอาจอยู่ใกล้ระดับ 2.9%–3.0% มากกว่า
จุดยืนนี้สะท้อนชัดว่า Fed ฝั่งสายเหยี่ยวต้องการ “หลักฐานที่หนักแน่นกว่านี้” ก่อนจะยอมผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดคริปโตในระยะสั้น
Fed แตกเป็นสองขั้ว: ความไม่แน่นอนที่ Bitcoin ต้องเผชิญ
สิ่งที่ทำให้ตลาดยิ่งผันผวน คือความเห็นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนภายใน Fed เอง ระหว่าง Beth Hammack และ Chris Waller หนึ่งในกรรมการ Fed คนปัจจุบัน
Waller มองว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ระดับ 3.5%–3.75% นั้น “สูงกว่าระดับเป็นกลาง” อยู่ราว 50–100 basis points ซึ่งหมายถึงนโยบายการเงินอยู่ในโหมดเข้มงวดแล้ว ขณะที่ Hammack กลับเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยยัง “ต่ำกว่าระดับเป็นกลางเล็กน้อย” และยังมีลักษณะกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่
ความเห็นที่สวนทางกันนี้ อาจทำให้การประชุม FOMC ในปี 2026 เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และส่งผลโดยตรงต่อ Bitcoin ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ยอย่างมาก
บทเรียนปี 2025: ดอกเบี้ยลด แต่ Bitcoin กลับร่วง
โดยปกติแล้ว นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายควรเป็นแรงหนุนต่อ Bitcoin แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2025 กลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง เมื่อราคา BTC เริ่มอ่อนตัวลงหลังการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน
ความเปราะบางของตลาดสะท้อนชัดจากเหตุการณ์ที่ Bitcoin หลุด $85,000 และฉุดตลาดดิ่งยกกระดาน แสดงให้เห็นว่าความคาดหวังของนักลงทุนอาจเปลี่ยนไปแล้ว
ท่ามกลางความไม่แน่นอนภายใน Fed และความผันผวนที่ยังไม่จบ นักลงทุนจำนวนมากอาจต้องกลับมาทบทวนว่า เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 ควรมีปัจจัยพื้นฐานและความยืดหยุ่นมากพอแค่ไหน เพื่อรับมือกับโลกที่ดอกเบี้ยสูงอาจอยู่นานกว่าที่คิด
ดอกเบี้ยสูงอาจกดดันราคา แต่โครงสร้างใหม่ของ Bitcoin กำลังถูกจับตา
ท่ามกลางสัญญาณดอกเบี้ยสูงยาวจาก Fed ที่ทำให้ Bitcoin เผชิญแรงกดดันด้านสภาพคล่อง นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาโฟกัส “โครงสร้างพื้นฐาน” มากกว่าการเก็งกำไรราคาเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน Bitcoin ในระยะยาว
หนึ่งในโปรเจกต์ที่ถูกพูดถึงมากขึ้นคือ Bitcoin Hyper ซึ่งนำแนวคิด Layer 2 มาผสานกับสภาพแวดล้อมของ Solana VM เพื่อเพิ่มความเร็ว ลดค่าธรรมเนียม และเปิดทางให้ Bitcoin รองรับแอปพลิเคชันได้หลากหลายขึ้น ในช่วงที่ตลาดผันผวน โปรเจกต์ลักษณะนี้จึงถูกมองว่าอาจได้อานิสงส์จากกระแส “คัดเลือกคุณภาพ” ของนักลงทุนมากกว่าการไล่ราคาสั้น ๆ
แม้ทิศทางดอกเบี้ยยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ตลาดกำลังให้ความสำคัญกับโปรเจกต์ที่มีโครงสร้างรองรับการใช้งานจริงมากขึ้น สำหรับ Bitcoin Hyper การถูกจับตามองในฐานะ Layer 2 ที่ขยายศักยภาพของ Bitcoin อาจสะท้อนว่า ในช่วงที่ราคาเผชิญแรงกดดัน นักลงทุนกำลังมองหา “โอกาสเชิงระบบ” มากกว่าการเก็งกำไรเพียงระยะสั้น
เมื่อคุณต้องการหลักฐานสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับ Bitcoin Hyper เราขอเสนอ บทวิเคราะห์ราคา Bitcoin Hyper หรือดูคู่มือวิธีซื้อ Bitcoin Hyper แบบละเอียด เป็นข้อมูลอ้างอิงหลัก
แวะไปดูรายละเอียดจาก เว็บไซต์ทางการของ Bitcoin Hyper หรือพูดคุยกันต่อใน X และ ช่อง Telegram
