House of Doge จะควบรวมกับ Brag House เพื่อกลายเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด Nasdaq โดยจะนำสินทรัพย์มากกว่า 837 ล้าน DOGE และเงินทุน 50 ล้านดอลลาร์เข้ามาร่วม
การควบรวมนี้ทำให้ House of Doge กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ขยายขอบเขตการใช้งานของ Dogecoin
แม้มีการประกาศนี้ออกมา แต่หุ้น TBH ลดลง 48% และ DOGE ร่วง 0.8% ซึ่งแสดงถึงความระมัดระวังของนักลงทุนท่ามกลางความผันผวนของตลาด
House of Doge ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจเชิงพาณิชย์ของ Dogecoin Foundation ได้ประกาศการควบรวมกิจการครั้งสำคัญกับ Brag House Holdings (TBH) เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาด Nasdaq
การเข้าซื้อกิจการแบบย้อนกลับ ซึ่งได้รับอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการของทั้งสองฝ่าย คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี 2026
การควบรวมนี้จะเปิดศักราชใหม่ให้กับ Dogecoin โดยช่วยยกระดับโปรไฟล์ของโทเค็นในแวดวงสถาบัน ด้วยการเข้าถึงตลาดการเงินที่ได้รับการกำกับดูแลโดยตรง
หน่วยธุรกิจของ Dogecoin ขึ้นสู่เวทีกลางของวอลล์สตรีต
บริษัทได้ประกาศการควบรวมเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ผ่านข่าวประชาสัมพันธ์ โดยข้อตกลงนี้นำสินทรัพย์กว่า 837 ล้าน DOGE ภายใต้การบริหาร และเงินลงทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์มารวมกัน
ภายใต้ข้อตกลงนี้ Brag House จะออกหุ้นสามัญจำนวนประมาณ 594 ล้านหุ้น พร้อมกับหลักทรัพย์แปลงสภาพอีก 69.25 ล้านหน่วย
หุ้นใหม่ส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นของ House of Doge ซึ่งจะกลายเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ของบริษัทใหม่
ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ Brag House จะยังคงถือหุ้นส่วนน้อยอยู่
นอกจากนี้ Marco Margiotta ผู้ก่อตั้ง PayFare จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทที่ควบรวมใหม่
ส่วน Lavell Juan Malloy II ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของ Brag House จะยังคงอยู่ในคณะกรรมการเพื่อรักษาความต่อเนื่องเชิงกลยุทธ์
Margiotta กล่าวว่า “สิ่งที่เริ่มต้นจากความทะเยอทะยานของชุมชน ได้เติบโตขึ้นเป็นเครื่องยนต์โครงสร้างพื้นฐานของ Dogecoin
การเข้าตลาดผ่านการควบรวมนี้ จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ และปลดปล่อยคลื่นลูกถัดไปของนวัตกรรม การมีส่วนร่วมจากสถาบัน และการใช้งานจริงในกระแสหลักของ Dogecoin”
การยอมรับในกระแสหลัก: การขยายการใช้งานของ Dogecoin และการเข้าถึง Gen Z
บริษัทใหม่มีเป้าหมายจะขยายธุรกิจให้ไกลเกินกว่าวอลล์สตรีต ซึ่งการควบรวมครั้งนี้จะสร้างแพลตฟอร์มบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีรายได้หลายช่องทาง โดยเชื่อมโยงการชำระเงิน การโทเค็น การเล่นเกม และโอกาสสร้างผลตอบแทนสำหรับชุมชน Dogecoin ทั่วโลก ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ดังมอง Dogecoin กำลังฟื้นและอาจพุ่งเหมือนอดีต
ในขณะเดียวกัน Brag House จะยังคงดำเนินงานในฐานะหน่วยธุรกิจอิสระภายใต้โครงสร้างใหม่ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นในระดับสถาบันของ Dogecoin สู่ระบบเกมและกีฬาในวิทยาลัย
บริษัทจะช่วยนำ Dogecoin เข้าสู่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาด Gen Z ซึ่งมีมูลค่าการใช้จ่ายต่อปี 350 พันล้านดอลลาร์ แนวทางนี้จะช่วยให้ Dogecoin ก้าวข้ามภาพลักษณ์ของเหรียญมีม มาสู่การใช้งานในชีวิตจริง และรองรับธุรกรรมในเชิงพาณิชย์ และกระตุ้นให้เกิดการยอมรับในวงกว้างในหมู่สังคมและวัฒนธรรม
Malloy II กล่าวเสริมว่า
“ด้วยการฝัง Dogecoin เข้าไปในวิถีชีวิตของคนรุ่น Gen Z ไม่ว่าจะในแวดวงมหาวิทยาลัย กีฬา เกม และชุมชนต่าง ๆ เรามิได้เพียงสร้างสายธุรกิจใหม่ แต่เรากำลังเปิดเส้นทางสู่โอกาสหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อให้เกิดการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลในกระแสหลัก และสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้น Brag House พร้อมแล้วที่จะเป็นบริษัทมหาชนสำหรับยุคใหม่ของการเงินโลก สกุลเงินที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผสานเข้ากับวัฒนธรรม และได้รับการสนับสนุนจากสถาบัน”
ผลกระทบต่อตลาด
อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ยังไม่สามารถเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

ข้อมูลจาก Google Finance ระบุว่า หุ้นของ Brag House Holdings (TBH) ร่วงลง 48.33% ปิดที่ 1.24 ดอลลาร์ในตลาด NASDAQ ในขณะเดียวกัน Dogecoin (DOGE) ก็ประสบภาวะปรับฐานลงเล็กน้อย ท่ามกลางความผันผวนโดยรวมของตลาด
ข้อมูลจาก BeInCrypto Markets แสดงให้เห็นว่า เหรียญมีมนี้ลดลง 0.81% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ณ เวลาที่รายงาน ราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.19677 ดอลลาร์

ถึงแม้ราคาจะอ่อนตัวในระยะสั้น แต่ข้อมูลจาก CoinGecko ชี้ว่าความรู้สึกในชุมชนยังคงเป็นเชิงบวก โดยประมาณ 72% ของผู้ใช้งานยังคงมองในแง่ดีต่อ DOGE สะท้อนว่านักเทรดรายย่อยยังคงเชื่อว่าเหรียญนี้มีโอกาสฟื้นตัว หากสภาวะตลาดโดยรวมกลับมามั่นคงอีกครั้ง
Wall Street Pepe (WEPE): จากมีมสู่สินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังถูกจับตามอง
Wall Street Pepe ($WEPE) กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์มีมคอยน์ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของตลาดคริปโต จากความขำขันสู่การสร้างมูลค่าจริงให้กับคอมมูนิตี้ ด้วยแนวคิดที่นำวัฒนธรรม “Wall Street meets meme” มาผสมผสานกับฟังก์ชันใช้งานจริง เช่นระบบ Alpha Chat สำหรับผู้ถือเหรียญ ที่เปิดให้เข้าถึงข้อมูลและวิเคราะห์ตลาดร่วมกับนักเทรดทั่วโลก โปรเจกต์ยังเดินหน้าขยายสู่ระบบมัลติเชน โดยใช้กลไกเบิร์นโทเค็นฝั่ง Ethereum เพื่อรักษาปริมาณเหรียญให้นิ่งที่ 200 พันล้านโทเค็น เพิ่มความโปร่งใสและเสถียรภาพให้กับระบบนิเวศ

ทิศทางของ WEPE สอดคล้องกับภาพรวมตลาดที่กำลังเปลี่ยน เมื่อ Dogecoin กำลังขยับเข้าสู่ตลาด Nasdaq ผ่าน House of Doge การเกิดขึ้นของ Wall Street Pepe จึงถูกมองว่าเป็นตัวแทนของเหรียญยุคใหม่ที่ไม่เพียงเน้นกระแสแต่มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจจริงรองรับ จุดยืนของโครงการที่ผสมระหว่างวัฒนธรรม การลงทุน และคอมมูนิตี้ อาจผลักให้ WEPE กลายเป็นอีกชื่อหนึ่งที่นักลงทุนสถาบันเริ่มเหลียวมองในปีถัดไป มีมที่อาจจะไม่ได้แค่สร้างรอยยิ้ม แต่สร้างโอกาสทางการเงินจริงได้ในโลกคริปโตสมัยใหม่






