
Elon Musk (อีลอน มัสก์) สร้างกระแสอีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์บัญชี X ของเขาให้เชื่อมโยงกับคริปโตเคอเรนซี KEKIUS ทำให้เกิดความคาดหวังว่าเหรียญดังกล่าวอาจกลายเป็นเหรียญคริปโตที่เติบโตแบบ 1000 เท่าตัวใหม่
เมื่อวันที่ 16 อีลอน มัสก์ได้ปรับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์และชื่อผู้ใช้ในบัญชีโซเชียลของเขาให้สอดคล้องกับโทเค็น KEKIUS ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่พัฒนาบน Ethereum blockchain การกระทำครั้งนี้ส่งผลให้โทเค็นดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นวงกว้าง
Elon Musk แค่เปลี่ยนโปรไฟล์ X แต่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดคริปโต?
อีลอน มัสก์ ได้เปลี่ยนชื่อบัญชี X (เดิมชื่อ Twitter) ของเขาเป็น “Kekius Maximus” พร้อมทั้งอัปเดตรูปโปรไฟล์ให้เป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับ KEKIUS

KEKIUS เป็นเหรียญคริปโตในกลุ่มมวลชนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมีม “Pepe the Frog” และตัวละครจากภาพยนตร์ Gladiator โทเค็นนี้เปิดตัวในฐานะโครงการ DeFi บนบล็อกเชน Ethereum
ในอดีต มัสก์เคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันราคาของเหรียญมีมชั้นนำ เช่น Dogecoin (DOGE) และ Shiba Inu (SHIB) มาแล้ว ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ KEKIUS จะกลายเป็นจุดสนใจในหมู่นักลงทุนเช่นเดียวกัน
ผลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ KEKIUS มีราคาพุ่งขึ้นถึง 136.24% ภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง โดยราคาต่อโทเค็นเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า และกระแสการลงทุนในคริปโตที่มีศักยภาพเติบโต 1000 เท่า ก็ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในตลาด
จริงหรือเจ๊ง เสี่ยงแค่ไหนกับกระแส Memecoin?
แม้ว่า KEKIUS จะสร้างความตื่นเต้นในหมู่นักลงทุน แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามความเสี่ยงของ memecoin หรือเหรียญมีมได้ เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว memecoin มักมีโครงสร้างโปรเจกต์ที่ไม่ชัดเจน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับทีมพัฒนาและการบริหารจัดการที่ยังคงคลุมเครือ เช่นเดียวกับ KEKIUS ที่เผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาอย่างรุนแรง
การโปรโมตโดยบุคคลที่มีชื่อเสียงในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลให้ราคาผันผวน เมื่อมัสก์เปลี่ยนรูปโปรไฟล์กลับ ราคาของ KEKIUS ก็ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะการเคลื่อนไหวที่เน้นการเก็งกำไรสูง
ในกรณีศึกษาของ Dogecoin ก็แสดงให้เห็นว่า การสื่อสารจากบุคคลที่มีอิทธิพลอย่าง Elon Musk สามารถกระตุ้นราคาได้ แต่ในขณะเดียวกันนักลงทุนจำก็เป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลและจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบเช่นกัน
การพุ่งขึ้นของ KEKIUS ได้จุดกระแสความสนใจในมีมโทเค็นที่มีโอกาสเติบโตแบบ 1000 เท่าก็จริง อย่างไรก็ตาม ความผันผวนที่สูงและการเคลื่อนไหวของราคาที่ขึ้นอยู่กับกระแสโซเชียล ยังเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังอยู่ และไม่ควรลงทุนโดยพึ่งพาแค่กระแสหรือความนิยมเพียงอย่างเดียว
อีกมีมกบท้าชน! MIND of Pepe: เหรียญ AI x เหรียญมีม
ในขณะที่ตลาดเหรียญมีมได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โครงการใหม่อย่าง MIND of Pepe (MIND) ก็เป็นอีกจุดสนใจของนักลงทุน ด้วยการนำเสนอแนวคิดที่แตกต่างจาก memecoin แบบดั้งเดิม
โครงการนี้รวมความขบขันและความเป็นประโยชน์เข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นที่การใช้ AI เป็นกลไกสำคัญ
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โครงการได้พัฒนา AI สำหรับจัดการการสื่อสารในโซเชียลมีเดีย การโต้ตอบกับนักลงทุน และการออกโทเค็นใหม่หรือการลิสต์ในตลาดแบบอัตโนมัติ
อีกทั้งยังมีการเพิ่มฟังก์ชันการสเตกโทเค็น (Token Staking) ที่ผู้ใช้งานสามารถล็อกโทเค็นได้ทันที พร้อมรับผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยสูง
นอกจากนี้ นักลงทุนที่ถือครองโทเค็นยังได้รับสิทธิพิเศษ เช่น การเข้าถึงโทเค็นใหม่ก่อนใคร และรายงานการวิเคราะห์ตลาดที่จัดทำโดย AI โดยในช่วงพรีเซลล์ MIND สามารถระดมทุนได้แล้วกว่า 9.9 ล้านดอลลาร์ และได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ที่ช่วยผลักดันราคาตลาดให้เพิ่มขึ้นกว่า 80%
ความสำเร็จนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Ethereum ecosystem ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโครงการ MIND และชุมชนที่เกี่ยวข้อง
ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาโครงการโดยเน้นการผสาน AI และการสร้างชุมชนที่มีส่วนร่วมสูง ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า MIND จะสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดด ทั้งในด้านของราคาตลาดและจำนวนผู้ใช้งาน
โครงการนี้ยังคงมีแผนพัฒนาเพิ่มเติม เช่น การออกโทเค็นใหม่และการเสริมความสามารถของระบบ AI เพื่อสร้างความมั่นคงและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุน
ในขณะที่ตลาดคริปโตยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การผสานเทคโนโลยีใหม่เข้ากับโทเค็นมีม อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้โครงการอย่าง MIND สามารถสร้างมูลค่าและดึงดูดนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง
Elon Musk เปลี่ยนโปรไฟล์ X เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอิทธิพลของเขาต่อตลาดคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหรียญมีม
แม้ว่าเหรียญอย่าง KEKIUS จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าดึงดูด แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงสูง ในขณะที่โครงการอย่าง Mind of Pepe ได้แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของเหรียญมีม โดยผสมผสานความตลกขบขันเข้ากับฟังก์ชันการทำงานจริงและเทคโนโลยี AI ซึ่งอาจเป็นทิศทางใหม่ของตลาดคริปโตในอนาคต ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
